คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 395/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เช่าทำสัญญาเช่าที่ดินจาก นายหยินเจ้าของที่ แต่ปรากฏว่ามีผู้ละเมิด เข้าไปปลูกห้องแถวในที่เช่าแปลงนั้น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่ดิน อยู่ก่อนแล้ว ดังนี้ ผู้เช่ายังไม่มีอำนาจที่จะฟ้องขอให้ขับไล่ผู้ปลูกห้องแถวและผู้อยู่ ให้ออกไปจากที่เช่า เพราะเป็นเรื่องผู้เช่าจะว่ากล่าว เอาแก่ผู้ให้เช่าซึ่งเป็นคู่สัญญา ให้ส่งมอบการครอบครองที่เช่าให้แก่ตนทั้งหมด
มีผู้เช่าไปปลูกห้องแถวในที่ดินของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของทีดิน แต่ภายหลังได้โอนหลุดเป็นกรรมสิทธิแก่ผู้รับจำนองไปแล้ว เจ้าของที่ดินจะมาฟ้องผู้ปลูกสร้าง ขอให้ศาลบังคับให้ผู้ปลูกสร้างรื้อห้องแถวนั้นออกไปจากที่ดินของตนไม่ได้ เพราะผู้ปลูกสร้างห้องแถวนั้นไม่อยู่ในฐานะที่จะถูกฟ้องขับไล่เสียแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ได้รับโอนการเช่าที่ดินแปลงพิพาทมาจากปรากฏว่าจำเลยที่ ๑ ละเมิดเข้าทำการปลูกห้องแถวในที่พิพาทแปลงนี้ โดยมิได้รับความยินยอมจากนายหยิน แล้วจำเลยที่ ๑ เอาห้องแถวนี้ให้จำเลยที่ ๒ – ๓ – ๔ – ๕ เช่าอยู่ จึงขอให้จำเลยที่ ๑ รื้อถอนห้องแถวและขับไล่จำเลยที่ ๒ – ๓ – ๔ – ๕ และบริวารออกไปจากที่เช่าของโจทก์
ก่อนสืบพยานโจทก์ ศาลเรียกสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เข้าเป็นโจทก์ร่วมตามคำของโจทก์ โจทก์ร่วมขอให้ถือเอาฟ้องเดิมเป็นคำฟ้องของโจทก์ร่วมด้วย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที ๑ รื้อถอนห้องแถวออกไปจากที่พิพาท และให้ขับไล่จำเลยที่ ๒ – ๓ – ๔ – ๕ ออกไปด้วย
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ห้องแถวพิพาทได้โอนกรรมสิทธิโดยจำนองหลุดเป็นของอื่นไปแล้ว ศาลจะบังคับให้จำเลยรื้อถอนห้องพิพาทไม่ได้ จึง พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีนอกสำนวน เพราะจำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้
ศาลฎีกาพิจารณาว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ ๑ ได้ปลูกห้องแถวรายพิพาทลงในที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์โดยไม่ได้รับอนุญาตวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๔๙๐ จำเลยได้ทำกรมธรรม์จำนองห้องรายพิพาทไว้กับหม่อมละมัยและ ด.ญ. ชวนชื่นไกรจิตติ วันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๔๙๑ จำเลยที่ ๑ โอนหลุดเป็นสิทธิแก่ผู้รับจำนองทั้ง ๒ โจทก์ทั้ง ๓ เพิ่งทำสัญญาเช่าที่ดิน ซึ่งห้องพิพาทปลูกอยู่จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๔๙๑ แล้วมาฟ้องจำเลยดังกล่าวข้างต้น
ตามข้อเท็จจริงดังนี้ เห็นว่าขณะโจทก์ทั้ง ๓ ทำสัญญาช่านั้น ห้องรายพิพาทปลูกอยู่แล้ว โจทก์ทั้ง ๒ หาได้รับมอบการครอบครองที่ดินเฉพาะที่ห้องรายพิพาททั้งอยู่ไม่ โจทก์มีสิทธิที่จะว่ากล่าวได้แต่เฉพาะคู่สัญญา จำเลยเป็นคนนอกสัญญา หาต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้ง ๓ ไม่
ฝ่ายสำนักงานทรัพย์ ฯลฯ ที่เข้ามาเป็นโจทก์ร่วมนั้นจำเลยที่ ๑ ก็ได้คัดค้านไว้แล้วว่า ห้องรายพิพาทได้โอนโอนถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายไปนานแล้ว จำเลยที่ ๑ ไม่ได้อยูในฐานะที่จะถูกฟ้องขับไล่ ข้อเท็จจริงฟังได้สมจำเลยที่ ๑ คัดค้านดังนี้ จะว่าจำเลยที่ ๑ ไม่ได้ต่อสู้ หรือศาลวินิจฉัยนอกสำนวน ฟังไม่ขึ้น
จึง พิพากษา ให้ยกฎีกาโจทก์เสีย

Share