แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนบ้านพร้อมที่ดินให้แก่โจทก์ถ้าจำเลยไม่สามารถโอนได้ก็ให้ชดใช้มูลค่าบ้านและที่ดินพร้อมด้วยดอกเบี้ย ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยไม่สามารถโอนบ้านพร้อมที่ดินให้แก่โจทก์ได้ จึงพิพากษาตามคำขอของโจทก์ให้จำเลยชดใช้มูลค่าบ้านพร้อมที่ดินเป็นเงิน 300,000 บาท ดังนี้สิทธิของโจทก์ที่จะได้รับชำระหนี้เป็นเงินจึงเกิดขึ้นเมื่อศาลพิพากษา และมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันพิพากษาเป็นต้นไป จำเลยได้นำเงินมาวางศาลเพื่อให้โจทก์รับไปก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแต่ตามคำแถลงขอวางเงินของจำเลยมีใจความว่า จำเลยนำเงินจำนวน 300,000 บาท มาวางศาลเพื่อให้โจทก์รับไป ทั้งนี้ เพื่อให้กรณีพิพาทระหว่างโจทก์และจำเลยสิ้นสุดลงโดยไม่เป็นการยุ่งยากเสียเวลาของศาลดังนี้เป็นการที่จำเลยวางเงินต่อศาลโดยไม่ยอมรับผิดย่อมไม่เป็นเหตุให้ระงับการเสียดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 136 วรรคสองจำเลยหมดภาระเสียดอกเบี้ยให้โจทก์เมื่อโจทก์รับเงินที่วางไปจากศาล
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยโฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวัน ให้ประชาชนตัดชิ้นส่วนในหนังสือพิมพ์พร้อมลงชื่อและที่อยู่ไปให้จำเลยเพื่อจับชิ้นส่วนรางวัล โจทก์ส่งชิ้นส่วนไปร่วมชิงรางวัลจำเลยจับชิ้นส่วนรางวัลปรากฎว่าโจทก์ได้รับรางวัลที่ 2 มีสิทธิได้รับบ้านและที่ดินของบริษัทยูนิเวสท์พรอพเพอร์ตี้ จำกัดและบริษัทยูนิเวสท์จำกัด มูลค่า 300,000 บาท แต่บริษัทดังกล่าวไม่สามารถส่งมอบบ้านและที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ตามที่ประกาศ แต่เสนอให้โจทก์รับบ้านและที่ดินอื่นแทนโจทก์ไม่ยอมเพราะไม่ตรงกับโฆษณา ขอให้จำเลยโอนบ้านพร้อมที่ดินของบริษัทยูนิเวสท์พรอพเพอร์ตี้ จำกัด ตามโครงการที่โฆษณาไว้ในหนังสือพิมพ์ของจำเลยให้แก่โจทก์หากจำเลยไม่สามารถทำได้ให้ใช้ราคา 300,000 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อไปเป็นเวลา 3 เดือน เป็นเงิน 5,625 บาท และให้จำเลยเสียดอกเบี้ยในอัตราดังกล่าวในต้นเงิน 305,625 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาที่ไม่ยอมรับบ้านและที่ดิน กลับขอรับเงิน 300,000 บาท แทน เป็นการผิดข้อตกลงและฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการพนัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 300,000 บาท แก่โจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้จำเลยเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงิน 305,625 บาท นับตั้งแต่วันฟ้องจนถึงวันที่จำเลยจ่ายแก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยให้คำมั่นโดยลงโฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์ของจำเลยให้ผู้อ่านหนังสือพิมพ์ของจำเลยตัดชิ้นส่วนในหนังสือพิมพ์ของจำเลยส่งไปยังจำเลยเพื่อจับสลากชิงรางวัลตามกติกา โดยกำหนดรางวัลไว้หลายประเภทผลของการจับสลากชิงรางวัลโจทก์ได้รางวัลที่ 2ซึ่งเป็นบ้านพร้อมที่ดินราคา 300,000 บาท แต่ปรากฎว่าจำเลยยังไม่มีบ้านพร้อมที่ดินราคา 300,000 บาท ที่จะให้โจทก์เป็นรางวัลตามคำมั่นที่โฆษณาไว้ จำเลยจึงโอนบ้านพร้อมที่ดินให้โจทก์ไม่ได้จำเลยต้องรับผิดชำระราคาบ้านพร้อมที่ดินเป็นเงิน 300,000 บาท ให้โจทก์ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นจำเลยได้นำเงินจำนวน 300,000 บาทมาวางศาลเพื่อให้โจทก์รับไป และขอให้ศาลหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้เป็นเงิน 15,000 บาท ตามกฎหมาย ซึ่งโจทก์จะรับคืนจากศาลภายหลังทั้งนี้เพื่อให้กรณีพิพาทยุติลง และโจทก์ได้รับเงินจำนวน 300,000บาท ไปจากศาลเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2528 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วและคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ปัญหาตามฎีกาของโจทก์มีว่า โจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยในจำนวนเงิน 300,000 บาท อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 19 มกราคม 2527 อันเป็นวันที่โจทก์ควรได้รับโอนบ้านพร้อมที่ดินจากจำเลยหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ โจทก์ขอให้บังคับจำเลยโอนบ้านพร้อมที่ดินให้แก่โจทก์ แต่ถ้าจำเลยไม่สามารถโอนบ้านพร้อมที่ดินให้แก่โจทก์ได้ก็ให้ชดใช้มูลค่าบ้านพร้อมที่ดินเป็นเงิน 300,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยซึ่งเมื่อศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยไม่สามารถโอนบ้านพร้อมที่ดินให้แก่โจทก์ได้ จึงได้พิพากษาตามคำขอของโจทก์อันดับรองลงมาคือให้จำเลยชดใช้มูลค่าบ้านพร้อมที่ดินเป็นเงิน300,000 บาท สิทธิของโจทก์ที่จะได้รับชำระหนี้เป็นเงินจึงเกิดขึ้นเมื่อศาลพิพากษา และมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินจำนวนดังกล่าว นับแต่วันพิพากษาเป็นต้นไปปรากฎว่าจำเลยได้นำเงินมาวางศาลเพื่อให้โจทก์รับไปก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา แต่ตามคำแถลงขอวางเงินของจำเลยลงวันที่ 7 มีนาคม2528 จับใจความได้ว่า จำเลยนำเงินจำนวน 300,000 บาท มาวางศาลเพื่อให้โจทก์รับไปทั้งนี้เพื่อให้กรณีพิพาทระหว่างโจทก์และจำเลยสิ้นสุดลงโดยไม่เป็นการยุ่งยากเสียเวลาของศาล การวางเงินต่อศาลของจำเลยดังกล่าวศาลฎีกาเห็นว่า เป็นกรณีที่จำเลยวางเงินต่อศาลโดยไม่ยอมรับผิด ย่อมไม่เป็นรับผิด ย่อมไม่เป็นเหตุให้ระงับการเสียดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 136 วรรคสองจำเลยหมดภาระเสียดอกเบี้ยให้โจทก์เมื่อโจทก์รับเงินจำนวนดังกล่าวไปจากศาล คือเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2528 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามิให้จำเลยต้องรับผิดเรื่องดอกเบี้ยทั้งหมดเสียทีเดียวนั้น ยังไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในจำนวนเงิน 300,000 บาท นับตั้งแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจนถึงวันที่ โจทก์รับเงินจำเลยไปจากศาล