คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 394/2550

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นหนี้ค่าซื้อสินค้าจากโจทก์ เมื่อหนี้ถึงกำหนด จำเลยไม่ชำระหนี้ ถือว่าตกเป็นผู้ผิดนัด จำเลยมีหน้าที่ชำระเงินพร้อมค่าเสียหายเป็นดอกเบี้ย ที่จำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยไม่เคยได้รับหนังสือบอกกล่าวทวงถาม โจทก์บอกกล่าวทวงถามไม่ชอบ จำเลยจึงไม่ตกเป็นผู้ผิดนัด เป็นข้อที่จำเลยมิได้ให้การไว้เพิ่งยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นอุทธรณ์ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลต่างประเทศโดยมีผู้รับมอบอำนาจให้ฟ้องดำเนินคดีแทน ส่วนจำเลยเป็นนิติบุคคลไทยและได้สั่งซื้อสินค้าประเภทอุปกรณ์และอะไหล่เครื่องจักรและได้รับสินค้าของโจทก์ไปเมื่อระหว่างปี 2544 ถึง 2545 แต่ผิดนัดไม่ชำระค่าสินค้าจำนวน 51,639.20 ดอลลาร์สิงคโปร์ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์ พร้อมค่าเสียหายเป็นดอกเบี้ยจำนวน 63,594.81 ดอลลาร์สิงคโปร์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ในต้นเงิน 51,639.20 ดอลลาร์สิงคโปร์ นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ทราบและไม่รับรองสถานะนิติบุคคลของโจทก์ หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของโจทก์ไม่มีผลบังคับได้ตามกฎหมาย จำเลยไม่เคยสั่งซื้อและไม่เคยได้รับสินค้าของโจทก์ตามฟ้อง เพราะบุคคลผู้ลงลายมือชื่อในใบสั่งซื้อได้ลาออกจากบริษัทจำเลยตั้งแต่ปี 2543 โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี คงเรียกได้เพียงอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีเท่านั้น ขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 51,339.20 ดอลลาร์สิงคโปร พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ดังนี้ (1) ในต้นเงิน 6,120 ดอลลาร์สิงคโปร์ นับแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2544 (2) ในต้นเงิน 7,230.40 ดอลลาร์สิงคโปร์ นับแต่วันที่ 3 มกราคม 2545 (3) ในต้นเงิน 264 ดอลลาร์สิงคโปร์ นับแต่วันที่ 5 มกราคม 2545 (4) ในต้นเงิน 4,185 ดอลลาร์สิงคโปร์ นับแต่วันที่ 24 มีนาคม 2545 (5) ในต้นเงิน 3,696 ดอลลาร์สิงคโปร์ นับแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2545 (6) ในต้นเงิน 16,525.80 ดอลลาร์สิงคโปร์ นับแต่วันที่ 22 กันยายน 2545 (7) ในต้นเงิน 4,750 ดอลลาร์สิงคโปร์ นับแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2545 และ (8) ในต้นเงิน 8,868 ดอลลาร์สิงคโปร์ นับแต่วันที่ 10 มกราคม 2546 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ในกรณีที่จำเลยจะใช้หรือชำระเป็นเงินไทย ให้คิดตามอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยซึ่งธนาคารพาณิชย์ขายให้ลูกค้าในวันที่ใช้เงินจริง ถ้าไม่มีอัตราแลกเปลี่ยนในวันที่ใช้เงินจริงให้ถือเอาวันสุดท้ายที่มีอัตราเช่นว่านั้นก่อนวันดังกล่าว ในกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศแจ้งอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของธนาคารณิชย์ (อัตราอ้างอิง) ก็ให้ถืออัตราดังกล่าวเป็นเกณฑ์คำนวณ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความให้ 5,000 บาท แต่เฉพาะค่าขึ้นศาลให้จำเลยใช้แทนตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีปัญหาตามอุทธรณ์ของจำเลยประการแรกว่า จำเลยได้สั่งซื้อและได้รับสินค้าตามฟ้องโจทก์หรือไม่ โดยจำเลยอุทธรณ์ว่า ตามสำเนาใบสั่งซื้อ สำเนาใบรายการบรรจุหีบห่อ สำเนาใบตราส่งสินค้า และสำเนากำกับสินค้าเอกสารหมาย จ.4 ถึง จ.25 เพียงแต่ปรากฏชื่อของบริษัทจำเลยเป็นผู้สั่งซื้อเท่านั้น แต่ไม่ปรากฏลายมือชื่อของจำเลยเป็นผู้สั่งซื้อและรับสินค้าแต่อย่างใด ส่วนนางสมถวิลผู้รับสินค้า โจทก์ไม่ได้นำมาสืบว่ารับสินค้าให้ใคร จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด ในข้อนี้ได้ความตามบันทึกถ้อยคำยืนยืนข้อเท็จจริงหรือความเห็นของนางซาง กก เฮง ผู้รับมอบอำนาจโจทก์และผู้จัดการอาวุโสว่า ในช่วงเดือนกันยายน 2544 ถึงเดือนสิงหาคม 2545 จำเลยสั่งซื้อสินค้าประเภทอุปกรณ์และอะไหล่เครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตสินค้าของจำเลยรวม 10 ครั้ง โจทก์ได้จัดส่งสินค้าให้แก่จำเลยแล้ว ตามเอกสารหมาย จ.8 ถึง จ.19 จำเลยได้รับสินค้าดังกล่าวไปแล้ว เมื่อครบกำหนดเวลาชำระหนี้ก็ไม่ได้ชำระหนี้และได้ความจากนายสุริยา เหมสุรินทร์ หัวหน้างานผู้ควบคุมดูแลอาวุโส บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ว่า นางสมถวิล ทองธวัช เป็นผู้มารับสินค้าที่ส่งมาทางอากาศในนามบริษัทจำเลยตามเอกสารหมาย จ.20 ถึง จ.25 ในส่วนของจำเลยไม่ได้นำสืบพยานหลักฐานของโจทก์ตามคำให้การจึงรับฟังไม่ได้เมื่อตรวจดูใบสั่งซื้อเอกสารหมาย จ.8 ถึง จ.19 เป็นการสั่งซื้อทางโทรสาร ระบุชื่อบริษัทจำเลยเป็นผู้สั่งซื้อ มีผู้ลงลายมือชื่อผู้ซื้อและผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเหมือนกันทุกฉบับ ฟังได้ว่าจำเลยสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ ส่วนการรับสินค้านั้นมีนางสมถวิลเป็นผู้รับสินค้าให้ โดยผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฟังได้ว่าเป็นผู้มีอำนาจรับสินค้าแทนจำเลยผู้เป็นเจ้าของสินค้า เมื่อจำเลยเป็นหนี้ค่าซื้อสินค้าจากโจทก์แล้ว และหนี้ถึงกำหนดจำเลยไม่ชำระหนี้ ถือว่าตกเป็นผู้ผิดนัด จำเลยมีหน้าที่ชำระเงินพร้อมค่าเสียหายเป็นดอกเบี้ย ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ต่อไปว่า จำเลยไม่เคยได้รับหนังสือบอกกล่าวทวงถามโจทก์ โจทก์บอกกล่าวทวงถามไม่ชอบ เห็นว่า ข้อนี้จำเลยมิได้ให้การไว้ในการไว้ในการพิจารณาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เพิ่งยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นอุทธรณ์ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นนี้ 3,000 บาท แทนโจทก์.

Share