คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2674/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 ซึ่งข้อความในมาตราดังกล่าวมิได้บัญญัติไว้ว่า ศาลจะออกคำสั่งตามคำขอได้ต้องทำการไต่สวนก่อน ดังนั้นจึงเป็นอำนาจของศาลที่จะไต่สวนก่อนออกคำสั่งหรือไม่ตามที่ศาลเห็นสมควรและตามคำร้องของจำเลยได้บรรยายความไว้ว่าภริยาจำเลยเป็นผู้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้ในวันที่ 19พฤษภาคม 2531 แต่ได้แจ้งแก่จำเลยว่าได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องในวันที่ 20 พฤษภาคม 2531 จำเลยจึงรับทราบวันที่รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องคลาดเคลื่อน โดยตามคำร้องของจำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านหรือให้เหตุผลว่าเจ้าพนักงานศาลส่งหมายแก่จำเลยขัดต่อความเป็นจริงหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายประการใด เมื่อข้อเท็จจริงที่ได้จากคำร้องของจำเลยชัดแจ้งพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงไม่มีประโยชน์ที่จะทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยก่อนออกคำสั่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์กระบะ กลับจากงานแต่งงานโดยมีโจทก์และบุคคลอื่นร่วมโดยสารมาด้วยโดยประมาททำให้รถพลิกคว่ำผู้โดยสารตาย 1 คน ส่วนโจทก์ได้รับอันตรายสาหัสกระดูกข้อต่อต้นคอเป็นอันตราย แขนขวาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ต้องใช้เวลารักษาโดยไม่ทราบกำหนดวันหายอาจเป็นอัมพาตทุพพลภาพพิการตลอดชีวิต ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ 300,000 บาท
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์เป็นเงิน300,000 บาท จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ 290,000 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกาว่า จำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การโดยไม่ทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยเสียก่อนเป็นการไม่ชอบ เห็นว่าจำเลยยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 199 ซึ่งข้อความในมาตราดังกล่าวมิได้บัญญัติไว้ว่าศาลจะออกคำสั่งตามคำขอได้ต้องทำการไต่สวนก่อน ดังนั้นจึงเป็นอำนาจของศาลที่จะไต่สวนก่อนออกคำสั่งหรือไม่ตามที่ศาลเห็นสมควร และตามคำร้องของจำเลยฉบับลงวันที่ 14 มิถุนายน 2531 ได้บรรยายความไว้ว่าภริยาจำเลยเป็นผู้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้ในวันที่ 19พฤษภาคม 2531 แต่ได้แจ้งแก่จำเลยว่าได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องในวันที่ 20 พฤษภาคม 2531 จำเลยจึงรับทราบวันที่รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องคลาดเคลื่อน โดยตามคำร้องของจำเลยดังกล่าวมิได้โต้แย้งคัดค้านหรือให้เหตุผลว่า เจ้าพนักงานศาลส่งหมายแก่จำเลยขัดต่อความเป็นจริงหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายประการใด เมื่อข้อเท็จจริงที่ได้จากคำร้องของจำเลยชัดแจ้งพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงไม่มีประโยชน์ที่จะทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยก่อนออกคำสั่ง และการที่ภริยาจำเลยบอกวันรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยผิดพลาดก็เป็นความผิดของฝ่ายจำเลยเองเพราะการถูกฟ้องคดีมิใช่เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำวันจนเป็นเรื่องที่ภริยาจำเลยไม่ควรสนใจ แต่เป็นเรื่องสำคัญที่กระทบถึงสิทธิของจำเลยโดยตรงซึ่งควรสนใจจดจำเป็นพิเศษ จำเลยจะอ้างเหตุดังกล่าวมาเป็นข้อแก้ตัวเพื่อยื่นคำให้การเมื่อพ้นกำหนดที่กฎหมายกำหนดไว้ ย่อมไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ พฤติการณ์ดังกล่าวถือว่าจำเลยจงใจขาดยื่นคำให้การ”
พิพากษายืน

Share