แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับพวกอีก 2 คนร่วมกันปล้นทรัพย์ของผู้เสียหาย โดยจำเลยได้กระตุกสร้อยคอทองคำที่ผู้เสียหายสวมอยู่ที่คอ สร้อยขาดออกจากกันตกติดอยู่ที่คอเสื้อของผู้เสียหาย จำเลยยังเอาสร้อยไปไม่ได้ จำเลยลงมือกระทำความผิด แต่กระทำไปไม่ตลอด การกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์เท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีกสองคนมีมีดเป็นอาวุธร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยได้ฉกฉวยเอาสร้อยคอของผู้เสียหายไปซึ่งหน้า ใช้มีดเป็นอาวุธขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๖,๓๔๐,๘๓ และ ๓๗๑
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การที่จำเลยกระชากสร้อยคอจากผู้เสียหาย สร้อยคอขาดตกอยู่ที่คอเสื้อของผู้เสียหาย จำเลยเข้าแย่ง แต่ก็เอาไปไม่ได้ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรค ๒ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๔ ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐ ให้ลงโทษจำคุก ๘ ปี และผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๑ ปรับ ๑๐๐ บาท รวมจำคุก ๘ ปี ปรับ ๑๐๐ บาทจำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจะคุก ๔ ปี ปรับ ๕๐ บาท ริบมีดของกลาง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้ความว่านางสาวอั้ง แซ่ตั้ง ผู้เสียหายนั้นซ้อนท้ายรถจักรยานสองล้อซึ่งมีนายเฮง แซ่อั้ง เป็นผู้ขับขี่ ออกจากร้านผู้เสียหายเพื่อไปซื้อของครั้นไปถึงที่เกิดเหตุ จำเลยกับพวกอีก ๒ คนร่วมกันปล้นทรัพย์ของผู้เสียหาย โดยจำเลยได้กระตุกสร้อยคอทองคำที่ผู้เสียหายสวมอยู่ที่คอ สร้อยขาดออกจากกันตกติดอยู่ที่คอเสื้อของผู้เสียหาย ผู้เสียหายกระโดยลงจากรถ ร้องบอกให้นายเฮงช่วย จำเลยถือมีดปลายแหลมวิ่งไปที่ผู้เสียหายเพื่อจะแย่งเอาสร้อยนั้นอีก นางเฮงลงจากรถจะเข้าไปช่วยผู้เสียหาย จำเลยเงื้อมีดจะแทงนายเฮง พอตีรถวิทยุของตำรวจแล่นผ่านมา จำเลยกับพวกจึงวิ่งหนี้ไป ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยกระตุกสร้อยคอผู้เสียหาย แม้สร้อยได้ขาดออกจากกันแล้ว แต่ก็ยังติดอยู่ที่คอเสื้อของผู้เสียหาย จำเลยยังเอาสร้อยไปไม่ได้ จำเลยลงมือกระทำความผิด แต่กระทำไปไม่ตลอด การกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์เท่านั้น
พิพากษายืน