คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 394/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในวันนัดสืบพยานผู้ร้องซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบก่อนทนายผู้ร้องมาศาลและยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี แสดงว่าผู้ร้องยังใส่ใจในคดี เมื่อผู้ร้องขอเลื่อนคดีเป็นครั้งแรกด้วยเหตุที่ผู้ร้องไปทำงานรับจ้างอยู่ที่ต่างจังหวัดกลับมาไม่ได้ตามกำหนด ซึ่งแม้โจทก์จะแถลงคัดค้านคำร้องขอเลื่อนคดีก็ตาม แต่โจทก์ก็มิได้แถลงคัดค้านว่าข้ออ้างของผู้ร้องไม่ความจริง จึงนับได้ว่ามีเหตุจำเป็นแม้ผู้ร้องจะยื่นบัญชีระบุพยานไว้ แต่ศาลสั่งไม่รับก็ไม่เป็นเหตุที่จะถือว่าผู้ร้องประวิงคดีจึงสมควรที่ศาลจะอนุญาตให้เลื่อนคดีได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 55,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมคดีถึงที่สุดแก่โจทก์ ต่อมาจำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าว โจทก์ขอให้บังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 3606 หมู่ที่ 4ตำบลบ้านกลาง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบุรี เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้แก่โจทก์
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
โจทก์ให้การว่า ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยที่ 2 กับผู้ร้อง และผู้ร้องรู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ 1 ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานผู้ร้องในวันที่ 4 มีนาคม 2535 เวลา9 นาฬิกา ผู้ร้องและโจทก์ทราบนัดแล้ว วันที่ 2 มีนาคม 2535 ทนายผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เนื่องจากทนายผู้ร้องติดธุรกิจจำเป็นได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นบัญชีระบุพยานในวันที่ 28 กุมภาพันธ์2535 แต่ผู้ร้องไม่ได้ลงชื่อในช่องผู้ระบุเพราะหลงลืม พนักงานรับฟ้องให้กลับไปลงชื่อให้ถูกต้อง แต่เนื่องจากผู้ร้องไม่สามารถกลับมายื่นบัญชีระบุพยานได้ทันกำหนดเวลาทำงานของศาลในวันดังกล่าวจึงขอเสนอบัญชีระบุพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีไม่มีเหตุตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสาม จึงไม่อนุญาตยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ ครั้นถึงวันนัดสืบพยาน ทนายผู้ร้องทนายโจทก์ และจำเลยที่ 2 มาศาล ทนายผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องไปทำงานรับจ้างอยู่ที่ต่างจังหวัดกลับมาไม่ได้ตามกำหนดขอเลื่อนคดี โจทก์แถลงคัดค้านว่า ผู้ร้องทราบนัดแล้วไม่มาศาลไม่ควรที่ศาลจะอนุญาตและผู้ร้องไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องไม่ใส่ใจที่จะมาศาลตามนัด มีพฤติการณ์ประวิงคดีให้ยกคำร้อง โจทก์แถลงไม่สืบพยานศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาในวันเดียวกัน โดยวินิจฉัยว่าผู้ร้องกล่าวอ้างว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นของผู้ร้อง แต่ไม่มีพยานมาสืบสนับสนุนข้ออ้างของผู้ร้อง ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าทรัพย์ที่นำยึดเป็นของผู้ร้อง พิพากษายกฟ้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีนั้นเป็นกรณีมีเหตุอันสมควรให้เลื่อนคดีหรือไม่พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในวันนัดสืบพยานผู้ร้องซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบก่อน ทนายผู้ร้องมาศาลและยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีแสดงว่าผู้ร้องยังใส่ใจในคดี และผู้ร้องขอเลื่อนคดีเป็นครั้งแรกด้วยเหตุที่ผู้ร้องไปทำงานรับจ้างอยู่ที่ต่างจังหวัดกลับมาไม่ได้ตามกำหนดซึ่งแม้โจทก์จะแถลงคัดค้านคำร้องขอเลื่อนคดีของผู้ร้องแต่โจทก์ก็มิได้แถลงคัดค้านว่า ข้ออ้างของผู้ร้องไม่เป็นความจริงจึงนับได้ว่ามีเหตุจำเป็น แม้ผู้ร้องจะยื่นบัญชีระบุพยาน แต่ศาลไม่รับ ก็ไม่เป็นเหตุที่จะถือว่าผู้ร้องประวิงคดี สมควรที่ศาลจะอนุญาตให้เลื่อนคดีได้
พิพากษายืน

Share