แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายกับจำเลยที่ 2 โต้เถียงกัน แล้วจำเลยที่ 2 หยิบไม้กว้างและหนาด้านละประมาณ 3 นิ้วฟุต ยาวศอกเศษที่อยู่บนพื้นดินบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุนั้นเองตีผู้ตาย 2-3 ที ผู้ตายยกแขนรับและหันไปหาไม้มาต่อสู้ จำเลยที่ 1 เข้าไปทางด้านข้างผู้ตาย แล้วใช้เก้าอี้ไม้กลมไม่มีพนักตีผู้ตาย 1 ที ถูกที่แขนและศีรษะล้มลง แล้วจำเลยทั้งสองก็หยุดทำร้ายมิได้กระทำซ้ำ ผู้ตายมีแผลที่ศีรษะจากของแข็งไม่มีคม คางด้านซ้ายช้ำบวม และแขนซ้ายขวาท่อนล่างช้ำแดง และถึงแก่ความตายในวันรุ่งขึ้น ดังนี้ จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานทำร้ายผู้ตายเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายโดยมิได้มีเจตนาฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ไม้และเก้าอี้เป็นอาวุธตีประทุษร้ายร่างกายนายจุดหลายทีโดยเจตนาฆ่า โดยจำเลยที่ ๑ ใช้เก้าอี้นั่งแบบกลมไม่มีพนักพิง ๑ ตัว ตีถูกบริเวณศีรษะ จำเลยที่ ๒ ใช้ไม้แบนยาว ๔๐ เซนติเมตร โต ๗ เซนติเมตร ตีถูกบริเวณร่างกายหลายที เป็นเหตุให้นายจุดเลือดออกในสมอง เยื่อสมองบวม ได้รับอันตรายสาหัส และถึงแก่ความตายในวันต่อมาเพราะพิษบาดแผลที่ถูกทำร้าย เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสองได้พร้อมเก้าอี้และไม้ที่ใช้กระทำความผิดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๓ และริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๓ จำคุกคนละ ๑๘ ปี ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๐ ให้จำคุกคนละ ๑๒ ปี คำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเหตุบรรเทาโทษตามมาตรา ๗๘ ลดโทษให้ ๑ ใน ๓ คงจำคุกคนละ ๘ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า วันเกิดเหตุผู้ตายไปที่บ้านนายชิต จำเลยทั้งสองอยู่ที่นั่นด้วย จำเลยที่ ๒ กับผู้ตายเกิดโต้เถียงกัน นายชิตเห็นว่าจะเกิดเรื่องจึงไล่ผู้ตายออกไปนอกบ้าน จำเลยที่ ๒ เดินตามออกไปด้วยแล้วหยิบไม้กว้างและหนาด้านละประมาณ ๓ นิ้วฟุต ยาวศอกเศษที่อยู่บนพื้นดินตีผู้ตาย ๒-๓ ที ผู้ตายยกแขนรับและหันไปหาไม้มาต่อสู้ จำเลยที่ ๑ เข้าไปทางข้างซ้ายผู้ตายแล้วใช้เก้าอี้ไม้กลมไม่มีพนักพิง ตี ๑ ที ถูกผู้ตายที่แขนกับศีรษะล้มลง ตามรายงานชันสูตรพลิกศพระบุว่าผู้ตายมีแผลที่ศีรษะจากของแข็งไม่มีคม คางด้านซ้ายช้ำบวม และแขนซ้ายขวาท่อนล่างช้ำแดง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ตายและจำเลยทั้งสองไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน สาเหตุที่ทำร้ายสืบเนื่องมาจากโต้เถียงกันในวันเกิดเหตุนั้นเอง เรื่องผู้ตายหาแร่ได้แล้วไม่นำมาขายหักหนี้ซึ่งเชื่อของกินและของใช้ไปจากนายชิต ไม้และเก้าอี้ที่ใช้เป็นอาวุธทำร้ายผู้ตาย จำเลยทั้งสองก็หยิบฉวยมาอย่างกระทันหันแถวบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุนั้นเอง เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการทำร้ายผู้ตายในปัจจุบันทันทีนั้นเพราะพูดไม่ถูกใจกัน ไม่มีเรื่องอื่นถึงขนาดจะเอาชีวิตกัน บาดแผลของผู้ตายตามที่ปรากฏในรายงานชันสูตรพลิกศพเห็นได้ว่าแต่ละแผลไม่ร้ายแรง แสดงว่าจำเลยทั้งสองใช้ไม้และเก้าอี้ตีผู้ตายไปตามธรรมดาสุดแต่โอกาสอำนวย จำเลยไม่ได้เลือกหรือตั้งใจทำร้ายผู้ตายที่อวัยวะส่วนสำคัญของผู้ตายได้อย่างถนัดมือ เมื่อผู้ตายล้มลงไป จำเลยทั้งสองก็หยุดทำร้าย มิได้กระทำซ้ำ เพียงเท่านั้ยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาฆ่าผู้ตาย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานทำร้ายผู้ตายเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายโดยมิได้มีเจตนาฆ่านั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน