คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3936/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมิได้โต้แย้งความถูกต้องของสำเนาเอกสารก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาตามขั้นตอนที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 125 วรรคสามและวรรคสี่ กำหนดไว้ ถือได้ว่าเป็นการตกลงรับรองความถูกต้องแห่งสำเนาเอกสารดังกล่าว และผู้อ้างไม่จำต้องส่งต้นฉบับเอกสารอีกตามมาตรา 93(1) สำเนาเอกสารนั้นย่อมรับฟังได้เสมอกับต้นฉบับ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 402,389.05 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การต่อสู้คดีขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 402,389.05 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2540จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ในส่วนของดอกเบี้ยให้คิดนับแต่วันที่ 17 เมษายน 2540 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่สามารถนำสืบให้ได้ความว่า จำเลยเป็นผู้สั่งซื้อสินค้าพิพาทจากโจทก์นั้น เห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมีพร้อมทั้งพยานบุคคลและเอกสารที่สนับสนุนว่าการสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ล้วนแต่ดำเนินการโดยลูกจ้างของจำเลยและในนามของจำเลยทั้งสิ้น ซึ่งข้อนี้จำเลยนำสืบยอมรับโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ลงชื่อในเอกสารหมาย จ.3 คือใบสั่งซื้อและเอกสารหมาย จ.9ใบรับวางบิลรวม 2 ฉบับ ลงชื่อโดยลูกจ้างของจำเลย และเป็นเอกสารที่มีชื่อจำเลยปรากฏชัดแจ้ง เป็นเอกสารของจำเลยทั้งสิ้น พยานหลักฐานโจทก์จึงพอเพียงที่จะรับฟังได้ความตามที่ฟ้องแล้ว

ส่วนปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยอ้างว่าเอกสารหมาย จ.3 เป็นเพียงสำเนาเอกสารต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 93 มิให้รับฟังนั้น เห็นว่า จำเลยมิได้ดำเนินการโต้แย้งความถูกต้องของสำเนาเอกสารก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาตามขั้นตอนที่พึงปฏิบัติที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 125 วรรคสามและวรรคสี่ กำหนดไว้ ถือได้ว่าเป็นการตกลงรับรองความถูกต้องแห่งสำเนาเอกสารดังกล่าว และผู้อ้างคือโจทก์ไม่จำต้องส่งต้นฉบับเอกสารอีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(1) สำเนาเอกสารนั้น ย่อมรับฟังได้เสมอกับต้นฉบับโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังปรากฏว่าจำเลยได้ยอมรับขณะตอบคำถามค้านถึงรายการสินค้าว่า เป็นสินค้าตามที่ตกลงกันและลายมือชื่อที่ปรากฏในสำเนาเอกสารดังกล่าวก็เป็นของลูกจ้างจำเลยพยานหลักฐานจำเลยจึงรับฟังได้ความเจือสมพยานหลักฐานโจทก์ สำเนาพยานเอกสารหมาย จ.3 จึงฟังได้แน่ชัดว่าเป็นความจริงตามที่ปรากฏในเอกสารนั้นทุกประการ ฎีกาของจำเลยนอกจากจะฟังไม่ขึ้นแล้ว การอ้างข้อกฎหมายดังกล่าว ขึ้นต่อสู้ของจำเลยที่ปรากฏยังส่อลักษณะเป็นวิธีการต่อสู้ที่ไม่สุจริตด้วย

พิพากษายืน

Share