แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ว่าได้ยักยอกเอาเงินค่าธรรมเนียมการใช้ไฟฟ้าของโจทก์ไปเป็นประโยชน์ต่อส่วนตัว เป็นการฟ้องคดีเพื่อติดตามเอาทรัพย์สินของโจทก์คืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 มิใช่มีอายุความ 1 ปีในฐานะละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 สำหรับจำเลยที่ 2 ที่ 3 โจทก์ฟ้องให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ซึ่งกฎหมายมิได้บัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีสิทธิฟ้องได้ภายใน 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขณะเป็นพนักงานของโจทก์ได้รับเงินค่าติดตั้งมิเตอร์จากผู้ขอใช้ไฟฟ้าจำนวน 22 ราย รับเงินจากผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหม่ 8 ราย รับเงินค่าเพิ่มแอมป์จากผู้ใช้ไฟฟ้า 1 ราย และรับเงินค่าติดตั้งมิเตอร์ใหม่ 1 ราย รวมเป็นเงิน 7,825 บาท แล้วมิได้นำเงินที่ตนได้รับตามอำนาจหน้าที่ส่งเข้าบัญชีของโจทก์ตามระเบียบแต่กลับเบียดบังเอาเงินนั้นเป็นประโยชน์แก่ตน ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 2 และที่ 3 ในฐานะผู้ค้ำประกันร่วมและในฐานะกองมรดกของจำเลยที่ 3ตามลำดับ ตามสัญญาจ้างแรงงาน เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ใช้ค่าเสียหาย จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงต้องร่วมกันหรือแทนกันใช้แทนจนครบ ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหาย 7,825 บาท หากไม่ชำระหรือชำระไม่ครบให้บังคับจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ร่วมกันหรือแทนกันชำระแทนจนครบพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 โจทก์ขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง หนี้เกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อพ้นเวลา 1 ปีนับแต่วันทำละเมิดฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ สัญญาค้ำประกันใช้บังคับไม่ได้ จำเลยที่ 2 ที่ 3 รับผิดเพียงในวงเงิน 2,000 บาท โจทก์คิดดอกเบี้ยไม่ได้เพราะเป็นหนี้ที่ยังไม่แน่นอน จำเลยที่ 3 ไม่ได้เป็นภรรยานายสัมพันธ์ผู้ตายโดยชอบด้วยกฎหมายและไม่ได้เป็นผู้ปกครองทรัพย์มรดกของนายสัมพันธ์ผู้ตาย ทั้งจำเลยที่ 3 ไม่ใช่คู่สัญญากับโจทก์ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ โจทก์ฟ้องคดีเกินกว่า 1 ปีนับแต่วันเจ้ามรดกถึงแก่ความตายแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ได้ยักยอกเอาเงินค่าธรรมเนียมการใช้ไฟฟ้าของโจทก์ไปเป็นประโยชน์ต่อส่วนตัวของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการฟ้องคดีเพื่อติดตามเอาทรัพย์สินของโจทก์คืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 มิใช่อายุความ 1 ปี ในฐานละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 สำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3 นั้น โจทก์ฟ้องให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ซึ่งกฎหมายมิได้บัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีสิทธิฟ้องได้ภายใน 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 และเมื่อหนี้ของจำเลยที่ 1 ยังมิได้ระงับไป โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันได้ คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ
พิพากษายกคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาประเด็นข้ออื่นแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี