แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ครอบครองที่ดินมีโฉนดร่วมกับผู้อื่นแต่ไม่ได้มีการแบ่งเป็นส่วนสัด ก็ถือได้ว่าผู้ครอบครองได้ครอบครองปรปักษ์ตามส่วนของตนนั้นต่อบุคคลภายนอกแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเดิมนางเกมารดากับนายสงนายใสบุตรเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินมีโฉนดร่วมกันยังไม่ได้แบ่งเป็นส่วนสัด เมื่อ 22 ปี มานี้นายสงได้สละกรรมสิทธิ์ขายที่ดินส่วนของตนในโฉนดให้โจทก์แต่ยังไม่ได้โอนแก้ทะเบียนเพราะนายสงตาย โจทก์ครอบครองส่วนของนายสงร่วมกับส่วนของนายใสโดยสงบและเปิดเผยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาจึงย่อมได้กรรมสิทธิ์ เมื่อพฤษภาคม 2497 จำเลยผู้เป็นบุตรนายสงได้ไปยื่นขอรับมรดกที่ดิน จำเลยทราบอยู่ก่อนแล้วว่านายสงได้ขายให้แก่โจทก์แล้ว ขอให้พิพากษาว่าที่ดินในโฉนดส่วนของนายสงเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง
จำเลยต่อสู้ว่านายสงไม่ได้ขายที่ดินให้แก่โจทก์ ที่ดินตกเป็นของมารดาจำเลยและจำเลยครอบครองตลอดมา โจทก์อยู่ในที่พิพาทอย่างญาติถือสิทธิร่วมกัน จำเลยสู้ข้อ ก.ม.ว่าเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกันจะอ้างการครอบครองปรปักษ์โดยยังไม่ปรากฏแดนแห่งการครอบครองไม่ได้
โจทก์จำเลยรับกันว่าโฉนดที่พิพาทมีชื่อนางเก นายสง นายใสถือกรรมสิทธิ์ นางเกตายแล้วโจทก์ครอบครองฐานรับมรดกนางเกร่วมกับนายใสนายสงตายมา 22 ปีแล้วศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่ดินในโฉนดเฉพาะส่วนของนายสงโจทก์ได้ครอบครองมาจนได้กรรมสิทธิ์แล้วห้ามจำเลยเกี่ยวข้องและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะข้อ กฎหมายที่ว่า โจทก์ครอบครองที่มีโฉนดร่วมกับผู้อื่นด้วย จะอ้างกรรมสิทธิ์จากการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ได้หรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่าแม้โจทก์จะครอบครองร่วมกับคนอื่นมิได้แบ่งเป็นส่วนสัดก็ถือได้ว่าโจทก์ได้ครอบครองปรปักษ์ในที่ดินส่วนของนายสงที่ขายให้แก่โจทก์แล้ว พิพากษายืน