คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3934/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาฉบับพิพาทค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ โดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม ต่อมาจำเลยที่ 4 ได้ขายหุ้นทั้งหมดและลาออกจากการเป็นกรรมการ ซึ่งที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติให้จำเลยที่ 4 ลาออกและให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นกรรมการแทน โดยมีการนำมติดังกล่าว ไปจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทแล้ว นับแต่นั้นจำเลยที่ 4 จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 1 นอกจากนี้จำเลยที่ 1 ได้มีหนังสือแจ้งการเปลี่ยนแปลงกรรมการ จำเลยที่ 1 ให้โจทก์ทราบแล้ว การที่ต่อมาโจทก์ให้จำเลย ที่ 2 ที่ 3 ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1 ใหม่ภายหลังจากโจทก์ ทราบเรื่องที่จำเลยที่ 4 ออกจากการเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของ จำเลยที่ 1 และจำนวนผู้ค้ำประกันตามสัญญาค้ำประกันฉบับเดิม ลดน้อยลงโดยโจทก์ให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 เพิ่มวงเงินที่ ค้ำประกันสูงขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัวในหนังสือค้ำประกันฉบับใหม่ ประกอบกับหนังสือค้ำประกันดังกล่าวมิได้ระบุว่าเป็นการค้ำประกัน จำเลยที่ 1 เพิ่มเติมจากหนังสือค้ำประกันฉบับเดิม เห็นได้ชัดว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยที่ 4 ต้องผูกพัน ตามหนังสือค้ำประกันฉบับพิพาทต่อไปอีก ดังนั้น สัญญาค้ำประกันเดิมจึงเป็นอันดับยกเลิกเพิกถอนไปในตัวโดยปริยาย โดยโจทก์ไม่จำต้องทำหนังสือเพิกถอนสัญญาค้ำประกันในส่วนของจำเลยที่ 4 อีก หนี้ตามสัญญาขายลดเช็คที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นมูลหนี้ที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่สัญญาค้ำประกันเดิมเพิกถอนแล้วจำเลยที่ 4 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ชำระหนี้ดังกล่าวแก่โจทก์ การที่จำเลยที่ 4 ทำบันทึกข้อตกลงถึงโจทก์ เสนอขอชำระหนี้จำนวน 400,000 บาท เพื่อให้โจทก์ปลดเปลื้องภาระผูกพันของจำเลยที่ 4 ในสัญญาค้ำประกันฉบับพิพาท เพราะเข้าใจว่ากรรมการบริหารใหม่ ของจำเลยที่ 1 มิได้ปลดภาระผูกพันให้แก่จำเลยที่ 4 เมื่อจำเลยที่ 4 ไม่มีหน้าที่ต้องชำระ การทำบันทึกดังกล่าว จึงไม่เป็นเหตุให้จำเลยที่ 4 ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ให้ร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินจำนวน 1,150,580.60 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปี ของต้นเงิน 1,145,500 บาทนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 4 ให้การว่า ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 1,150,580.60 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปีของต้นเงิน 1,145,500 บาท แก่โจทก์นับแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2536 จนกว่าจะชำระเสร็จ ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 4
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแก่โจทก์
จำเลยที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2531 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ได้ทำสัญญาค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ ในวงเงิน1,700,000 บาท ตามเอกสารหมาย จ.22 ต่อมาเมื่อวันที่ 16มกราคม 2533 จำเลยที่ 4 ได้ขายหุ้นในบริษัทจำเลยที่ 1 ทั้งหมดและลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทจำเลยที่ 1 ซึ่งที่ประชุมวิสามัญได้อนุมัติให้จำเลยที่ 4 ลาออก และมีการนำมติดังกล่าวไปจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครแล้ว และจำเลยที่ 1 มีหนังสือแจ้งการเปลี่ยนแปลงให้โจทก์ทราบแล้ว ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2534 ครั้นวันที่28 มีนาคม 2534 จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ทำสัญญาค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์อีกฉบับหนึ่งในวงเงิน 3,400,000 บาทต่อมาระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม 2535 ถึงวันที่ 27 มกราคม 2536จำเลยที่ 1 ได้นำเช็ครวม 12 ฉบับ มาขายลดให้โจทก์รวม 7 ครั้งเป็นเงิน 1,145,500 บาท เมื่อเช็คทั้งหมดถึงกำหนดชำระโจทก์นำไปเรียกเงินไม่ได้ จำเลยที่ 1 เป็นหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ยโจทก์คิดถึงวันฟ้องเป็นเงินรวม 1,150,580.60 บาท
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 4 ว่า จำเลยที่ 4ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ชำระหนี้ตามฟ้องแก่โจทก์หรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อวันที่ 22มีนาคม 2531 จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ โดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมในวงเงิน1,700,000 บาท ตามหนังสือค้ำประกันเอกสารหมาย จ.22ครั้นเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2533 จำเลยที่ 4 ได้ขายหุ้นทั้งหมดและลาออกจากการเป็นกรรมการโจทก์ ซึ่งที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติให้จำเลยที่ 4 ลาออก และให้จำเลยที่ 2 ที่ 3เป็นกรรมการแทนโดยมีการนำมติดังกล่าวไปจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 17มกราคม 2533 ตามเอกสารหมาย ล.1 ถึง ล.4 ดังนี้ นับตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2533 เป็นต้นไป จำเลยที่ 4 จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 1 โดยอำนาจการบริหารงานของจำเลยที่ 1 เป็นของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ทั้งโจทก์โดยนายสุนทร เชิงสุขศิริกุลพนักงานสินเชื่อของโจทก์เบิกความรับว่าจำเลยที่ 1ได้มีหนังสือแจ้งการเปลี่ยนแปลงกรรมการจำเลยที่ 1ให้โจทก์ทราบตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2534 ตามเอกสารหมาย ล.6และได้ความจากนายสุนทรอีกว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม2534 จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ไปทำสัญญาค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ใหม่ ในวงเงิน 3,400,000 บาทตามหนังสือสัญญาค้ำประกันเอกสารหมาย จ.23 เห็นว่าการที่โจทก์ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1ใหม่ดังกล่าวนั้นทำขึ้นภายหลังจากโจทก์ทราบเรื่องที่จำเลยที่ 4ออกจากการเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยที่ 1 แล้วเนื่องจากจำนวนผู้ค้ำประกันตามสัญญาค้ำประกันฉบับเดิมลดน้อยลงโจทก์จึงให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 เพิ่มวงเงินที่ค้ำประกันสูงขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัวในหนังสือค้ำประกันฉบับใหม่ประกอบกับหนังสือค้ำประกันดังกล่าวมิได้ระบุว่าเป็นการค้ำประกันจำเลยที่ 1 เพิ่มเติมจากหนังสือค้ำประกันฉบับเดิมแต่อย่างใดจึงเห็นได้ชัดว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยที่ 4 ต้องผูกพันตามหนังสือค้ำประกันเอกสารหมาย จ.22 ต่อไปอีก ดังนั้นสัญญาค้ำประกันเดิมจึงเป็นอันยกเลิกเพิกถอนไปในตัวโดยปริยายโดยโจทก์ไม่จำต้องทำหนังสือเพิกถอนสัญญาค้ำประกันในส่วนของจำเลยที่ 4 อีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งหนี้ตามสัญญาขายลดเช็คที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นมูลหนี้ที่เกิดขึ้นเมื่อระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม2535 ถึงวันที่ 27 มกราคม 2536 อันเป็นเวลาภายหลังจากที่สัญญาค้ำประกันเดิมเพิกถอนแล้ว จำเลยที่ 4 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ชำระหนี้ดังกล่าวแก่โจทก์ส่วนที่จำเลยที่ 4 ทำบันทึกข้อตกลงถึงโจทก์ฉบับลงวันที่ 7กุมภาพันธ์ 2537 เสนอขอชำระหนี้จำนวน 400,000 บาทเพื่อให้โจทก์ปลดเปลื้องภาระผูกพันของจำเลยที่ 4ในสัญญาค้ำประกันตามเอกสารหมาย ล.7 นั้น ก็ปรากฏข้อความตามเอกสารดังกล่าวว่าจำเลยที่ 4 ทำหนังสือถึงโจทก์เพราะเข้าใจว่ากรรมการบริหารใหม่ของจำเลยที่ 1มิได้ปลดภาระผูกพันให้แก่จำเลยที่ 4 ดังนั้น เมื่อได้วินิจฉัยแล้วว่าจำเลยที่ 4 ไม่มีหน้าที่ต้องชำระ การทำบันทึกดังกล่าวจึงไม่เป็นเหตุให้จำเลยที่ 4 ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์แต่อย่างใดคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 4นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share