คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3933/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปโดยไม่ติดใจสืบพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ขาดนัดพิจารณาและนัดฟังคำพิพากษา ก่อนถึงวันนัดฟังคำพิพากษา 1 วัน โจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่อ้างว่าไม่จงใจขาดนัดพิจารณา ดังนี้การพิจารณายังไม่เสร็จสิ้นอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว ศาลชั้นต้นชอบที่จะดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสอง ให้ได้ความว่าการขาดนัดของโจทก์เป็นไปโดยจงใจหรือมีเหตุอันสมควรหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นไม่ทำการไต่สวนแต่มีคำสั่งว่า ให้โจทก์ยื่นคำร้องเข้ามาเมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตาม บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนก็เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาจึงต้องพิพากษายก คำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้อง ของโจทก์ แล้วมีคำสั่งและคำพิพากษาใหม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้เงินที่ค้างชำระตามหนังสือประนีประนอมยอมความพร้อมดอกเบี้ย

จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นัดสืบพยานโจทก์ ถึงวันนัดฝ่ายโจทก์ไม่มีฝ่ายใดมาศาล จำเลยขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป โดยจำเลยไม่สืบพยาน ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา ให้นัดฟังคำพิพากษาก่อนวันนัดฟังคำพิพากษา 1 วันโจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ อ้างว่ามีเหตุจำเป็นไม่จงใจขาดนัด ศาลชั้นต้นสั่งว่าหากโจทก์ประสงค์จะขอให้พิจารณาคดีใหม่ให้ยื่นคำขอเข้ามาใหม่ภายหลังที่ศาลได้มีคำพิพากษา

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลย แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์จำเลยต่างทราบวันนัดโดยชอบแล้ว แต่โจทก์ไม่มาศาลตามนัดโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องหรือขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและนัดฟังคำพิพากษา ครั้นก่อนวันนัดฟังคำพิพากษา 1 วัน โจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่อ้างว่าไม่จงใจขาดนัดพิจารณา ดังนี้ การพิจารณายังไม่เสร็จสิ้น การที่โจทก์มายื่นคำร้องในระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว ศาลชั้นต้นชอบที่จะดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสอง ให้ได้ความว่าการขาดนัดของโจทก์เป็นไปโดยจงใจหรือมีเหตุอันสมควรหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นไม่ทำการไต่สวน แต่มีคำสั่งว่าให้โจทก์ยื่นคำร้องเข้ามา เมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้วจึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณา และที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนก็เป็นการไม่ชอบ

พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของโจทก์ แล้วมีคำสั่งและคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share