คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3925/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีก่อนโจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาซื้อขายด้วยแล้ว ขอให้บังคับจำเลยคืนเงินมัดจำและค่าเสียหายที่โจทก์ต้องไปซื้อถ้วยแก้วจากผู้อื่นแพงขึ้น ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดจากการที่โจทก์ต้องชำระเงินตามเช็คที่จำเลยโอนไปให้แก่บุคคลภายนอกและเรียกค่าสินไหมทดแทนจากการที่โจทก์ต้องแต่งตั้งทนายความสู้คดีและต้องรับโทษจำคุกตามคำพิพากษา ซึ่งเป็นคนละเรื่องต่างประเด็นกัน และโจทก์เพิ่งชำระเงินตามเช็คไปหลังจากศาลชั้นต้นในคดีก่อนพิพากษาคดีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173
คำให้การของจำเลยต่อสู้ปฏิเสธฟ้องโจทก์แต่เพียงว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 มิได้ให้การต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำมาตรา 144 และศาลชั้นต้นได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทในชั้นชี้สองสถานไว้ว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อนหรือไม่ ดังนั้นศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยปัญหาเรื่องการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ จึงชอบแล้ว
จำเลยผิดนัดสัญญาโอนเช็คที่โจทก์จ่ายเป็นประกันการชำระราคาซื้อขายถ้วยแก้วให้บุคคลภายนอก โจทก์ถูกบุคคลภายนอกฟ้องและได้ชำระเงินตามเช็คให้บุคคลภายนอกไปแล้ว ค่าดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมที่โจทก์ได้จ่ายให้แก่บุคคลภายนอกผู้เป็นโจทก์นั้น โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเอากับจำเลยได้ เพราะไม่เป็นค่าเสียหายโดยตรงจากการที่จำเลยผิดสัญญา
ความรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนในเรื่องละเมิดเกี่ยวกับการทำให้เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณนั้น มีแต่เฉพาะการกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลาย ซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนความจริงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 423 เท่านั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในกรณีต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงและเกียรติยศ เพราะถูกจำคุกตามคำพิพากษา
ค่าจ้างทนายความต่อสู้คดีที่โจทก์ผู้สั่งจ่ายถูกผู้ทรงฟ้องไม่ใช่เป็นผลโดยตรงอันเกิดจากการที่จำเลยผิดสัญญาและแม้จะเป็นเรื่องละเมิดก็นับว่าเป็นค่าเสียหายที่ไกลเกินกว่าเหตุ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเอาแก่จำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญาซื้อถ้วยแก้วจากจำเลยได้วางมัดจำและออกเช็คลงวันที่ล่วงหน้าเป็นประกันการชำระราคาให้จำเลยไว้ ๘ ฉบับ โดยตกลงกันว่าจำเลยจะนำเช็คมาคืนโจทก์แล้วรับเงินสดไปหรือโจทก์จะแจ้งให้จำเลยนำเช็คไปขึ้นเงินที่ธนาคารได้ จำเลยจึงจะนำเช็คไปขึ้นเงินได้ถ้าผิดสัญญาหรือเลิกสัญญากันจำเลยต้องคืนเช็คให้โจทก์ จำเลยผิดสัญญาไม่ส่งมอบถ้วยแก้ว โจทก์จึงอายัดเช็คต่อธนาคารและทวงถามมัดจำและเช็คทั้ง ๘ ฉบับ กลับคืนและเลิกสัญญาซื้อขายกัน แต่จำเลยกลับร่วมกันสลักหลังเช็คทั้ง ๘ ฉบับ ให้บุคคลภายนอกอันเป็นการผิดข้อตกลงกับโจทก์ บุคคลภายนอกผู้รับโอนเช็คเรียกเก็บเงินไม่ได้จึงฟ้องโจทก์ทั้งสองเป็นคดีแพ่งและคดีอาญา ในที่สุดโจทก์ต้องใช้เงินตามเช็คแก่บุคคลภายนอกเป็นเงิน ๓๙๙,๐๐๐ บาท และถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามให้ร่วมกันใช้เงินจำนวน ๓๙๙,๐๐๐ บาท ค่าเสียหายแก่ร่างกาย เกียรติยศ ชื่อเสียงและเสรีภาพ ๑๕๐,๐๐๐ บาท ค่าจ้างทนายความ ๔๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๕๙๙,๐๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามให้การว่า ไม่มีข้อตกลงเรื่องให้นำเช็คไปคืนหรือต้องให้โจทก์ผ่านเช็คให้ก่อน เช็คที่โจทก์ออกให้ไม่ได้ออกเพื่อประกันการชำระเงิน โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาและสั่งระงับการจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยไม่ต้องรับผิด โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนและค่าทนายความ ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อนกับคดีของศาลแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๐๓๔๕/๒๕๒๒ ซึ่งอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้เงินจำนวน ๓๐๔,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์ที่ ๑ ยกฟ้องโจทก์ที่ ๒
โจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน ๔๑๕,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ที่ ๑ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้คู่ความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๐๓๔๕/๒๕๒๒ กับคดีนี้เป็นคู่ความรายเดียวกัน แต่ปรากฏว่าตามสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๐๓๔๕/๒๕๒๒ โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาซื้อขายถ้วยแก้ว และถ้าจำเลยคืนเงินมัดจำกับให้ชดใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ต้องไปซื้อถ้วยแก้วจากผู้อื่นแพงขึ้น ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดจากการที่โจทก์ต้องชำระเงินตามเช็คที่จำเลยโอนไปให้แก่บุคคลภายนอก และเรียกค่าสินไหมทดแทนจากการที่โจทก์ต้องแต่งตั้งทนายความสู้คดี และต้องรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาไปบ้างแล้ว ซึ่งเป็นคนละเรื่องต่างประเด็นกัน ข้อที่จำเลยกล่าวในฎีกาว่า โจทก์ควรต้องฟ้องรวมไปในคดีก่อนนั้น ก็ปรากฏตามคำฟ้องในคดีนี้ว่า โจทก์ชำระเงินตามเช็คให้แก่บุคคลภายนอกไปเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๒๒ แต่คดีแพ่งหมายเลยแดงที่ ๑๐๓๔๕/๒๕๒๒ ศาลชั้นต้นพิพากษาไปก่อนแล้วตั้งแต่วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๒๒ ดังนั้นฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงไม่เข้าข่ายเป็นฟ้องซ้อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๓ กับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๐๓๔๕/๒๕๒๒ แต่อย่างใด สำหรับข้อที่จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายอีกว่าเป็นเรื่องการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๔ นั้น เห็นว่า ตามคำให้การของจำเลยต่อสู้ปฏิเสธฟ้องโจทก์เป็นข้อกฎหมายแต่เพียงว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๓ มิได้ให้การต่อสู้ไว้ว่า ฟ้องโจทก์เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามมาตรา ๑๔๔ ซึ่งในชั้นชี้สองสถานศาลชั้นต้นก็ได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทข้อ ๖ ไว้ว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้อนกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๐๓๔๕/๒๕๒๒ ของศาลชั้นต้นหรือไม่ ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อนี้ จึงชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว
โจทก์ถูกฟ้องคดีแพ่งและคดีอาญารวม ๑๐ คดี เงินส่วนที่เกินจากจำนวนเงินตามเช็คจึงน่าจะเป็นดอกเบี้ยกับค่าฤชาธรรมเนียมที่โจทก์จะต้องจ่ายให้แก่บุคคลภายนอกผู้เป็นโจทก์ ดังนี้ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกร้องเอากับจำเลยได้ เพราะไม่เป็นค่าเสียหายโดยตรงที่เกิดจากการที่จำเลยผิดสัญญา ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชำระเงินส่วนที่เกิน ๙๕,๐๐๐ บาทแก่โจทก์ด้วยนั้น จึงเป็นการไม่ชอบ ที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค ๘ ฉบับ จำนวน ๓๐๔,๐๐๐ บาท เป็นการถูกต้องแล้ว
ความรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนในเรื่องละเมิดเกี่ยวกับการทำให้เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณนั้น มีแต่เฉพาะการกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนความจริงตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๓ เท่านั้น ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในกรณีต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงและเกียรติยศเพราะถูกจำคุกตามคำพิพากษา เนื่องจากไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เรียกค่าสินไหมทดแทนเพราะเหตุนี้ได้
การที่โจทก์ฟ้องอ้างทนายความต่อสู้คดีก็เนื่องจากโจทก์ถูกผู้ทรงเช็คที่โจทก์เป็นผู้สั่งจ่ายฟ้องคดีเนื่องจากโจทก์ไปอายัดเช็คดังกล่าวไว้ จึงไม่ใช่เป็นผลโดยตรงอันเกิดจากการที่จำเลยผิดสัญญา แม้จะฟังว่าเป็นเรื่องละเมิดก็นับว่าเป็นค่าเสียหายที่ไกลเกินกว่าเหตุ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกร้องเอากับจำเลยได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน ๓๐๔,๐๐๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยแก่โจทก์ที่ ๑ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share