คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3922/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 เป็นบุตรของ น. ได้ร่วมออกเงินให้ น.ไปหาซื้อไม้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งจำเลยที่ 1 ได้ร่วมไปกับน. และช่วยขนไม้ของกลางบรรทุกรถ นั่งคุมไม้ของกลางมากับน.จนถูกจับกุม ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับ น. มีไม้แปรรูปไว้ในครอบครอง ส่วนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 เป็นบุตรและหลานของ น. น.ให้จำเลยที่ 1 ชวนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ไปช่วยขนไม้ของกลางขึ้นรถ และจำเลยที่ 6 นั้น น. ขอร้องให้นำรถไปช่วยบรรทุกไม้ของกลางมาโดย น.ได้นั่งมาในรถด้วย จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการครอบครองไม้ของกลางแต่อย่างใด จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ร่วมกับ น. ครอบครองไม้ของกลาง การกระทำของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เป็นเพียงการให้ความช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ น.และจำเลยที่ 1 อันเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86 เท่านั้น.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๒๗ เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยทั้งหกกับนายหน่อ พรมมา จำเลยในคดีอาญา หมายเลขแดงที่ ๑๑๐๐/๒๕๒๗ ของศาลชั้นต้นได้ร่วมกันมีไม้จำปีป่าแปรรูป ไม้ตะเคียนหนูหรือเหวแปรรูป และไม้ยางแปรรูป ซึ่งเป็นจำนวนเกิน ๐.๒๐ ลูกบาศก์เมตร และเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. และร่วมกันมีไม้ลุงแปรรูปเกิน ๐.๒๐ ลูกบาศก์เมตร และเป็นไม้หวงห้ามประเภท ข. รวมไม้ทั้งสิ้น ๔๙๐ แผ่น/เหลี่ยม รวมปริมาตรไม้แปรรูปทั้งสิ้น ๖.๔๑ ลูกบาศก์เมตร ไว้ในความครอบครองของจำเลยทั้งหกกับพวกดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามวันเวลาดังกล่าวข้างต้นเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยทั้งหกกับพวกดังกล่าวได้พร้อมด้วยไม้แปรรูป จำนวน ๔๙๐ แผ่น/เหลี่ยม ซึ่งจำเลยทั้งหกกับพวกร่วมกันมีไว้เป็นของกลาง และศาลได้มีคำพิพากษาริบไว้แล้วตามคดีหมายเลขแดงที่ ๑๑๐๐/๒๕๒๗ ของศาลชั้นต้น เหตุเกิดที่ตำบลเวียงชัยอำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๗, ๔๘, ๗๓, ๗๔ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๗, ๑๙ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๙ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๕ มาตรา ๔ พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. ๒๕๐๕ มาตรา ๔ ประกาศกระทรวงเกษตร เรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ ลงวันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๙ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓
จำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งหกมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๗, ๔๘, ๗๓ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๗, ๑๙ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๙ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๕ มาตรา ๔ จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ อายุ ๑๙ ปี และ ๑๘ ปี แต่เห็นว่าเป็นผู้มีความรู้สึกรับผิดชอบดีแล้วไม่สมควรลดมาตราส่วนโทษให้ จึงให้จำคุกจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ และที่ ๖ คนละ ๑ ปี จำเลยที่ ๕ มีอายุ ๑๖ ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๕ จำคุก ๖ เดือน จำเลยทั้งหกให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ และที่ ๖ คนละ ๘ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๕ มีกำหนด ๔ เดือน
จำเลยทั้งหกอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นบุตรชายของนายหน่อได้ร่วมออกเงินให้นายหน่อไปหาซื้อไม้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งวันไปหาซื้อไม้ของกลางจำเลยที่ ๑ ได้ร่วมไปกับนายหน่อและช่วยขนไม้ของกลางบรรทุกรถ นั่งคุมไม้ของกลางมากับนายหน่อจนถูกจับกุม เช่นนี้ จึงถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ ร่วมกับนายหน่อมีไม้แปรรูปของกลางไว้ในครอบครองโดยไม่อนุญาตซึ่งมีความผิดตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๕ แม้จะเป็นบุตรชายและหลานของนายหน่อก็ได้ความเพียงว่า นายหน่อให้จำเลยที่ ๑ ไปชวนจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๕ ไปช่วยขนไม้ของกลางเท่านั้น และจำเลยที่ ๖ นั้นนายหน่อเป็นผู้ไปขอร้องให้นำรถไปช่วยบรรทุกไม้ของกลางมาโดยนายหน่อได้นั่งมาในรถตอนถูกจับกุมด้วย จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการครอบครองไม้ของกลางแต่อย่างใด จึงถือว่าจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ ร่วมกับนายหน่อครอบครองไม้ของกลางไม่ได้ การกระทำของจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ เป็นเพียงการให้ความช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่นายหน่อและจำเลยที่ ๑ ซึ่งกระทำความผิด อันเป็นการสนับสนุนการกระทำความผิด จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๖
พิพากษากลับ จำเลยที่ ๑ มีความผิดฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๔, ๔๘, ๗๓ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๗,๑๙ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๕ มาตรา ๔ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ ลงโทษจำคุก ๑ ปี จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ มีความผิดฐานสนับสนุนการมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๗, ๔๘, ๗๓ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๗, ๑๙ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๕ มาตรา ๔ ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๖ ให้วางโทษจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ เพียง ๒ ใน ๓ ของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ อายุ ๑๙ ปี และ ๑๘ ปี มีความรู้สึกผิดชอบดีแล้วไม่สมควรลดมาตราส่วนโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๖ ลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ และที่ ๖ คนละ ๘ เดือน จำเลยที่ ๕ มีอายุ ๑๖ ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๕ แล้วลงโทษจำคุก ๔เดือน จำเลยทุกคนให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละ ๑ ใน ๓ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๘ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ และที่ ๖ คนละ ๕ เดือน ๑๐ วัน จำคุกจำเลยที่ ๕ มีกำหนด ๒ เดือน ๒๐ วัน แต่ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ ๓ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖.

Share