คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3912/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เหตุละเมิดเกิดขึ้นโดยคนขับรถของโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายมีส่วนประมาทอยู่ด้วย เมื่อคนขับรถเป็นลูกจ้างของโจทก์จึงถือว่าเป็นฝ่ายผู้เสียหายตามความหมายของมาตรา 223แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อันทำให้โจทก์ต้องรับผลของการกระทำละเมิดดังกล่าวตามส่วนแห่งความหนักเบาของความประมาทด้วยตามมาตรา 442 ประกอบด้วยมาตรา 223

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ได้ขับรถในทางการที่จ้างโดยประมาทชนรถยนต์ของโจทก์ซึ่งมีนายชาญเป็นผู้ขับได้รับความเสียหาย จึงขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยให้การต่อสู้คดีหลายประการ และต่อสู้ว่า เหตุรถชนกันเกิดขึ้นเพราะความประมาทของนายชาญคนขับรถโจทก์ หากฟังว่าคนขับรถของจำเลยมีส่วนประมาทอยู่ด้วย ก็มีส่วนประมาทด้วยกัน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เหตุรถยนต์ทั้งสองฝ่ายชนกันเป็นเพราะความประมาทของคนขับรถทั้งสองฝ่ายไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน จึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหายแก่กัน พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เหตุที่รถยนต์ทั้งสองเกิดชนกันเป็นเพราะความประมาทของคนขับรถของจำเลยมากกว่าคนขับรถของโจทก์ แต่โจทก์มิได้มีส่วนร่วมในการประมาทจึงไม่คิดส่วนลดหย่อนค่าเสียหายในความยิ่งหย่อนแห่งความประมาทนั้นให้ พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า คนขับรถของโจทก์มีส่วนประมาทน้อยกว่าคนขับรถของจำเลย และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า สำหรับฎีกาของจำเลยที่ 2 ข้อสุดท้ายมีว่าโจทก์ทั้งสองควรได้รับผลของการกระทำละเมิดของนายชาญคนขับรถของโจทก์ที่ 1ตามส่วนความหนักเบาของความประมาทที่เกิดขึ้น เห็นว่านายชาญเป็นคนขับรถของโจทก์ที่ 1 ขณะเกิดเหตุโจทก์ที่ 1 ได้นั่งมาในรถด้วย นายชาญจึงอยู่ในฐานะเป็นลูกจ้างของโจทก์ที่ 1 เหตุละเมิดนายชาญก็มีส่วนประมาทอยู่ด้วย ในกรณีเช่นนี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 ให้นำมาตรา 223 มาใช้บังคับโดยอนุโลม ซึ่งมาตรา 223 บัญญัติว่า “ถ้าฝ่ายผู้เสียหายได้มีส่วนทำความผิดอย่างใดอย่างหนึ่งก่อให้เกิดความเสียหายด้วยไซร้ ท่านว่าหนี้อันจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ฝ่ายผู้เสียหายมากน้อยเพียงใดนั้น ต้องอาศัยพฤติการณ์เป็นประมาณ ข้อสำคัญก็คือว่าความเสียหายนั้นได้เกิดขึ้นเพราะฝ่ายไหนเป็นผู้ก่อยิ่งหย่อนกว่ากันเพียงไร ฯลฯ”เมื่อนายชาญเป็นลูกจ้างของโจทก์ที่ 1 จึงถือว่าเป็นฝ่ายผู้เสียหายตามมาตรา 223 ดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นว่า สำหรับกรณีนี้จำเลยที่ 2 ควรรับผิดชดใช้ค่าเสียหายเพียง2 ใน 3 ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ทั้งสองไม่มีส่วนร่วมในการขับรถโดยประมาทไม่คิดลดส่วนให้นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นด้วยฎีกาจำเลยที่ 2 ฟังขึ้นบางส่วน

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน17,333 บาท ชำระแก่โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 28,000 บาท

Share