แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขณะที่เจ้าพนักงานควบคุมตัวผู้ต้องหามา จำเลยที่ 1ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านที่ผู้ต้องหาเป็นลูกบ้านมาพูดรับรองขอเอาตัวผู้ต้องหาไปพูดจากันประเดี๋ยวเดียวแล้วจะส่งคืน อันเป็นการที่จำเลยมีเจตนาจะช่วยเหลือให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปและจำเลยได้ช่วยให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปทั้งที่เจ้าพนักงานได้ตามไปนั่งคอยรับตัวผู้ต้องหาอยู่ที่หน้าบ้านของจำเลยที่ 2 ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้ทำการช่วยเหลือผู้ต้องหาซึ่งอยู่ในระหว่างการควบคุมให้หลุดพ้นไป
กรณีที่โจทก์บรรยายฟ้องชัดเจนพอประกอบเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 191 แล้ว และไม่ต้องด้วยมาตรา189
โจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา 189 ซึ่งเป็นการอ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิด ศาลก็มีอำนาจวางบทและวางโทษตามมาตรา 191 อันเป็นบทที่ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่ ทั้งนี้แม้อัตราโทษตามมาตรา 191 สูงกว่ามาตรา 189 ก็ตาม เพราะบทบัญญัติวรรคสี่ เป็นข้อยกเว้นของวรรคแรก
จำเลยจะอ้างว่าเป็นการพิพากษาเกินคำขอมิได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2506 เวลากลางวันนายพุทธา พรหมเวหา เจ้าพนักงานได้นำตัวนายประเสริฐ นายสมศักดิ์ผู้ต้องหาว่าลักทรัพย์และฆ่าโคมิได้รับอนุญาต ซึ่งถูกจับกุมเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2506 ไปส่งพนักงานสอบสวนอำเภอเซกา จำเลยที่ 1 เป็นผู้ใหญ่บ้าน และจำเลยที่ 2 ได้รับตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนเพื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวและสอบถามในฐานะลูกบ้านของจำเลยที่ 1 จำเลยทั้งสองรับตัวไปแล้วหาส่งคืนไม่กลับบังอาจสมคบกันช่วยเหลือส่งเสริมให้ผู้ต้องหาหลบหนีไป อันเป็นการช่วยเหลือผู้กระทำผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อมิให้ต้องโทษ เหตุเกิดที่ตำบลท่ากกแดงอำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 189
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลจังหวัดหนองคายฟังข้อเท็จจริงเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งสองถูกควบคุมมาโดยเป็นผู้ต้องหาว่าทำผิดฐานลักโคและฆ่าโคไม่รับอนุญาตอันมิใช่ความผิดลหุโทษ และจำเลยทั้งสองร่วมกันช่วยผู้ต้องหาทั้งสองคนเพื่อไม่ต้องให้รับโทษจริง จึงพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 189 จำคุกคนละ 8 เดือน
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น แต่เห็นว่าคดีนี้ผู้ต้องหาได้ถูกจับกุมและใส่กุญแจมือเพื่อนำส่งอำเภอ แม้จะไขกุญแจมือออกและไปบ้านจำเลยที่ 2 โดยจำเลยมาพูดขอประกันและรับรองจะส่งคืนก็ดี ก็ต้องถือว่าผู้ต้องหาได้ถูกจับกุมและอยู่ในระหว่างควบคุมของนายพุทธาผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นเจ้าพนักงานเมื่อผู้ต้องหาหลบหนีไป จำเลยจึงไม่ผิดมาตรา 189 ที่โจทก์อ้างในฟ้อง แต่โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดว่า จำเลยได้ช่วยเหลือนายประเสริฐ นายสมศักดิ์ผู้ต้องหาหลบหนีขณะนำส่งพนักงานสอบสวนให้พ้นจากการคุมขังไปอันเป็นความผิดตามมาตรา 191 แสดงว่าโจทก์มีความประสงค์ให้ลงโทษตามบทกฎหมายที่กล่าวแล้วแม้โจทก์มิได้อ้างมาตรา 191 มาด้วยศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยได้ พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 191 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะฎีกาข้อกฎหมาย ข้อ 2ก.ว่า “ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 191 นั้นเป็นการพิพากษาคดีเกินคำขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192” และฎีกาข้อกฎหมาย ข้อ 2 ข. “ว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกเหนือคำพยานหลักฐานในสำนวน”
ศาลฎีกาวินิจฉัยฎีกาข้อ 2 ข.ว่า ไม่มีเหตุผลจะฟังว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดจากคำพยานหลักฐานในสำนวน และที่ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าขณะที่นายพุทธาซึ่งเป็นเจ้าพนักงานควบคุมตัวผู้ต้องหามา จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านที่ผู้ต้องหาเป็นลูกบ้านมาพูดรับรองขอเอาตัวผู้ต้องหาไปพูดจากันประเดี๋ยวเดียว แล้วจะส่งคืนอันเป็นการที่จำเลยมีเจตนาจะช่วยเหลือให้ผู้ต้องหาหลบหนีไป และจำเลยได้ช่วยให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปทั้งที่นายพุทธาได้ตามไปนั่งคอยรับตัวผู้ต้องหาอยู่ที่หน้าบ้านจำเลยที่ 2 นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยว่าตามพฤติการณ์ต้องถือว่าผู้ต้องหาอยู่ในระหว่างการควบคุมของนายพุทธา และจำเลยมีเจตนาจะช่วยเหลือผู้ต้องหาเพื่อมิให้รับโทษมาแต่ต้นแล้ว ได้ทำการช่วยเหลือผู้ต้องหาซึ่งอยู่ในระหว่างการควบคุมนั้นให้หลุดพ้นไปที่นายพุทธาไขกุญแจ ถอดโซ่ มอบตัวผู้ต้องหาให้จำเลยก็เพราะจำเลยขอร้อง นายพุทธาจึงผ่อนผันไขกุญแจให้โดยเชื่อว่าจำเลยคงไม่ปล่อยให้ผู้ต้องหาหลบหนี การกระทำของจำเลยจึงเป็นการช่วยผู้ต้องหาให้หลุดพ้นจากการควบคุมหรือคุมขัง อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 191 มิใช่เป็นการช่วยผู้ต้องหาไม่ให้ถูกจับกุมตามมาตรา 189
สำหรับข้อที่จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินคำขอนั้นเห็นว่า ตามฟ้องตอนแรกแสดงว่าผู้ต้องหายังอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงาน เพราะบรรยายว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ใหญ่บ้านที่ผู้ต้องหาเป็นลูกบ้าน และจำเลยที่ 1 ขอรับตัวผู้ต้องหาไปในฐานะที่จำเลยที่ 1เป็นผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งไม่ใช่ลักษณะที่ได้มีการปล่อยตัวผู้ต้องหาไปแล้ว ส่วนตอนหลังบรรยายว่า จำเลยกลับบังอาจสมคบกันช่วยเหลือส่งเสริมให้ผู้ต้องหาหลบหนีไป เป็นการแสดงว่าจำเลยได้ช่วยเหลือให้ผู้ต้องหาหลบหนีการควบคุมนั้น มิใช่ช่วยไม่ให้ถูกจับกุมจึงเห็นว่าฟ้องชัดเจนพอประกอบเป็นความผิดตามมาตรา 191 แล้วและไม่ต้องด้วยมาตรา 189 ส่วนที่บรรยายฟ้องต่อไปว่าการกระทำของจำเลยเป็นการช่วยเหลือผู้กระทำผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อมิให้ต้องรับโทษนั้น ก็ไม่ขัดกับการกระทำผิดตามมาตรา 191 ฉะนั้นที่โจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา 189 จึงเป็นการอ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิด ศาลมีอำนาจวางบทและวางโทษตามมาตรา 191 อันเป็นบทที่ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 4 ทั้งนี้ แม้อัตราโทษตามมาตรา 191 สูงกว่ามาตรา 189 ก็ตามเพราะบทบัญญัติวรรค 4 เป็นข้อยกเว้นของวรรคแรก จำเลยจะอ้างว่าเป็นการพิพากษาเกินคำขอในฟ้องไม่ได้ คำพิพากษาฎีกาที่ 427/2482 และที่ 97/2484 รูปคดีไม่ตรงกับคดีนี้ จะนำมาปรับแก่คดีนี้ไม่ได้เพราะไม่ใช่เป็นการอ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิด พิพากษายืน