แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ใช้สิทธิไม่ต้องเสียหายคนอื่น การตัดสินเรื่องเลมิด ไม่จำต้องคำนึงว่าผู้เลมิดผิดทางอาชญาหรือไม่
เมื่อฎีกาได้แต่ข้อกฎหมายข้อใดเป็นข้อเท็จจริงศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้ข้อเท็จจริง
ศาลกำหนดค่าเสียหายเกินสมควรเป็นข้อเท็จจริงเหมืองแร่ ประทานบัตร์ไม่ใช่หนังสือแสดงกรรมสิทธที่ดิน
ย่อยาว
โจทก์มีสวนสาคูซึ่งเป็นที่ดินของ โจทก์ แต่อยู่ในเขตต์ที่รัฐบาลกำหนดเอาไว้ใช้ในการรถไฟ แต่รัฐบาลยังไม่ได้ ให้ราคาแก่ โจทก์ และกรมรถไฟก็ยังไม่ได้ทำอะไรในที่สวนรายนี้ ฝ่ายจำเลยได้รับประทานบัตร์ทำแร่มีเขตต์ล้ำเข้าไปในที่สวนของ โจทก์ และทำลำรางสำหรับล้างแร่โดยความเห็นชอบของเจ้าพนักงานโลหะหิจแล้ว แต่น้ำล้างแร่ของจำเลยทำให้ต้นสาคูของ โจทก์ตายเสียหาย
ศาลเดิมตัดสินว่าโจทก์รับความเสียหายจากน้ำล้างแร่ของ จำเลยจริงแต่จำเลยทำไปไม่ผิดข้อบังคับของการทำเหมืองแร่ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการที่จำเลยทำโดนได้รับความเห็นชอบของเจ้าพนักงานนั้น ก็เพียงคุ้มครองจำเลยไม่ให้ผิดทางอาชญาตาม พ.ร.บ.เหมืองแร่ พ.ศ.2461 ม.64 เท่านั้น แต่จำเลยต้องรับผิดในทางแพ่ง ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่ โจทก์
โจทก์ฎีกา (1) สาคูไม่ได้ตายเพราะน้ำล้างแร่ (2) ศาลให้ค่าเสียหายเกินสมควร (4) ที่ดินอยู่ในเขตต์รถไฟรถไฟแลประทานบัตร์ของจำเลยดจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง (4) จำเลยปล่อยน้ำโดยความเห็นชอบของเจ้าพนักงานย่อมไม่ต้องรับผิด
ศาลฎีกาเห็นว่า ฎีกาข้อ (1) และ (2) เป็นข้อเท็จจริงฎีกาไม่ได้ส่วนข้อ 4 รัฐบาลยังไม่ได้ให้ราคาแก่โจทก์ แลรถไฟยังไม่ได้ทำอะไรลงไป โจทก์ยังเป็นเจ้าของอยู่ ประทานบัตร์ของจำเลยนั้นไม่ใช่หนังสือแสดงกรรมสิทธิที่ดิน จำเลยไม่มีสิทธิเหนือในที่นั้น ที่ยังเป็นของโจทก์อยู่ โจทก์ย่อมฟ้องได้ และฎีกาข้อ (4) นั้นความเห็นชอบของเจ้าพนักงานเพียงแต่คุ้มครองไม่ให้ มีความผิดในทางอาชญาเท่านั้น จำเลยต้องรับในทางแพ่ง ตาม ป.พ.พ.ม.424 เมื่อจำเลยใช้สิทธิของตนให้เป็นที่เสียหายแก่คนอื่นแล้ว จำเลยก็ทำไปโดยมิชอบ ต้องรับผิด จึงตัดสินยืนตาม ศาลอุทธรณ์