แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า โจทก์ทั้งสองมีสิทธิในที่นาพิพาท 2 ใน 3 ส่วน ให้จำเลยไปยื่นขอแบ่งยกที่นาให้แก่โจทก์ทั้งสอง หากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย แต่โจทก์จำเลยไม่อาจตกลงแบ่งแยกที่นาพิพาทได้ จึงไปตกลงต่อหน้าศาลชั้นต้นซึ่งทำหน้าที่บังคับคดี โดยแถลงขอให้ดำเนินการยึดที่นาพิพาทมาขายทอดตลอดแล้วแบ่งเงินกันตามส่วน ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการกำหนดการบังคับคดีด้วยวิธีใหม่ ซึ่งชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 จนศาลชั้นต้นรับรู้และรับบังคับให้แล้ว ก็ต้องเป็นไปตามข้อตกลงนั้น เพราะการบังคับคดีเป็นเรื่องที่แล้วแต่ใจสมัครของโจทก์จำเลย การที่โจทก์ทั้งสองแถลงศาลใหม่ยอมแบ่งที่นาพิพาท โดยให้สิทธิจำเลยเลือกเอาส่วนใดก็ได้ แต่จำเลยมิได้ตกลงด้วยนั้น ไม่เป็นเหตุให้ข้อตกลงที่โจทก์จำเลยให้ดำเนินการยึดที่นาพิพาทขายทอดตลาดแล้วแบ่งเงินกันตามส่วนต้องเปลี่ยนแปลงไป
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษาว่า โจทก์ทั้งสองมีสิทธิในที่นาพิพาท ๒ ใน ๓ ส่วน ให้จำเลยไปยื่นคำขอแบ่งแยกที่ดิน ๒ ใน ๓ ส่วนของที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ทั้งสอง หากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ต่อมาโจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าจำเลยทราบคำพิพากษาโดยชอบแล้ว และโจทก์ได้คัดคำพิพากษาของศาลไปยื่นต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อแบ่งแยกตามคำพิพากษา แต่จำเลยคัดค้าน เจ้าพนักงานที่ดินจึงแบ่งแยกที่ดินตามคำพิพากษาไม่ได้ เท่ากับจำเลยละเมิดอำนาจศาล ขอให้ศาลออกหมายจับจำเลยมาขังจนกว่าจะปฏิบัติตามคำพิพากษาด้วย
ศาลชั้นต้นหมายนัดให้โจทก์จำเลยไปศาล ถึงวันนัดศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า โจทก์ ทนายโจทก์ จำเลย และทนายจำเลยมาศาล ศาลได้ไกล่เกลี่ยแล้ว คู่ความไม่อาจตกลงกันได้ ต่างแถลงขอให้ดำเนินการยึดทรัพย์พิพาทมาขายทอดตลาดและแบ่งเงินกันตามส่วน จึงแนะนำให้คู่ความไปติดต่อเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์มาขายทอดตลาดต่อไป เมื่อศาลชั้นต้นได้อ่านและให้โจทก์จำเลยลงชื่อแล้ว ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาต่อว่าอ่านรายงานแล้ว โจทก์และทนายโจทก์แถลงว่าโจทก์ยอมแบ่งโดยให้สิทธิจำเลยเลือกเอาส่วนใดก็ได้ จำเลยแถลงอีกว่า ไม่ประสงค์จะรับส่วนแบ่งจะขอดำเนินการให้ยึดทรัพย์ขายทอดตลาด จึงบันทึกไว้ แล้วศาลชั้นต้นอ่านรายงานกระบวนพิจารณาต่อให้โจทก์จำเลยฟังและลงชื่อไว้
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกาว่า ศาลชั้นต้นยอมตามจำเลยเป็นการไม่ชอบ ขอให้ศาลสั่งจำเลยแบ่งที่ดินให้โจทก์ หากจำเลยไม่แบ่งก็ขอให้ขังจำเลยจนกว่าจะยอมแบ่ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษาว่าโจทก์ทั้งสองมีสิทธิในที่พิพาท ๒ ใน ๓ ส่วน ให้จำเลยไปยื่นคำขอแบ่งแยกที่นาให้แก่โจทก์ทั้งสองหากจำเลยไม่ไป ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย แต่โจทก์จำเลยไม่อาจตกลงแบ่งแยกที่นาพิพาทได้ จึงไปตกลงต่อหน้าศาลชั้นต้นซึ่งทำหน้าที่บังคับคดี โดยแถลงขอให้ดำเนินการยึดที่นาพิพาทมาขายทอดตลาดแล้วแบ่งเงินกันตามส่วน ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการกำหนดการบังคับคดีด้วยวิธีใหม่ ซึ่งชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๖๔ จนศาลชั้นต้นรับบังคับให้แล้ว ก็ต้องเป็นไปตามข้อตกลงนั้น เพราะการบังคับคดีเป็นเรื่องที่แล้วแต่ใจสมัครของโจทก์จำเลย ส่วนที่โจทก์ทั้งสองแถลงศาลใหม่ยอมแบ่งที่นาพิพาท โดยให้สิทธิจำเลยเลือกเอาส่วนใดก็ได้นั้น จำเลยก็มิได้ตกลงด้วย จึงไม่เป็นเหตุให้ข้อตกลงที่โจทก์จำเลยให้ดำเนินการยึดที่นาพิพาทมาขายทอดตลาดแล้วแบ่งเงินกันตามส่วนต้องเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด
พิพากษายืน