แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คำว่า “อุตสาหกรรม” ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(1) เดิม หมายถึงกิจการที่มีการประดิษฐ์สิ่งของขึ้นเพื่อให้เกิดผลประโยชน์เป็นกำไร ดังที่พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2525 ให้คำนิยามไว้ เมื่อกล่องกระดาษที่โจทก์ทำขึ้นนั้นจำเลยนำมาใช้สำหรับบรรจุเครื่องไฟฟ้าที่ผลิตสำเร็จแล้วกล่องกระดาษโดยลำพังคงเป็นเพียงอุปกรณ์ใช้ประจำอยู่กับสินค้าที่ผลิตเท่านั้น หาได้เป็นสินค้าที่จำเลยจำหน่ายได้ผลประโยชน์เป็นกำไรไม่ เท่ากับการประดิษฐ์กระดาษนั้นมิได้อยู่ในความหมายที่ว่าเป็นการที่ได้ทำเพื่ออุตสาหกรรมของฝ่ายลูกหนี้นั้นเองซึ่งมีอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 วรรคท้ายสิทธิเรียกร้องของโจทก์คงมีอายุความ 2 ปี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับทำกล่องกระดาษตามสั่ง จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นนักอุตสาหกรรม ประกอบอุตสาหกรรมและทำธุรกิจประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายโดยใช้ตราอูฐอยู่ในวงกลมเป็นสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายสินค้าของจำเลยทั้งสอง จำเลยที่ 2 ตกลงให้โจทก์จัดทำกล่องกระดาษขนาดต่าง ๆ เพื่อบรรจุสินค้าเครื่องไฟฟ้าที่จำเลยทั้งสองผลิตขึ้นแล้วส่งออกวางตลาดให้ร้านค้าย่อยจำหน่ายต่อไป โจทก์และจำเลยที่ 2ตกลงคิดยอดราคากล่องเป็นรายเดือน โดยจำเลยทั้งสองจะออกเช็คชำระราคากล่องกระดาษให้โจทก์ล่วงหน้าประมาณ 4 เดือน นับแต่เดือนที่ได้รับสินค้า ต่อมาจำเลยทั้งสองค้างชำระค่ากล่องกระดาษที่จะต้องชำระให้แก่โจทก์ระหว่างเดือนกันยายน 2528 ถึงเดือนมกราคม 2529 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 352,536.80 บาท โจทก์ทวงถามให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้แก่โจทก์แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย จึงฟ้องให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 352,536.80 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่เดือนมิถุนายน 2529 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา 2 ปีเป็นเงิน 52,880 บาท และดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันจากจำนวนเงิน 352,536.80 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 และ 2 ให้การทำนองเดียวกันว่า ฟ้องของโจทก์ขาดอายุความแล้ว เนื่องจากมูลหนี้ที่โจทก์ฟ้องเกิดจากสัญญาจ้างทำของซึ่งมีอายุความ 2 ปี แต่โจทก์ฟ้องคดีเกิน 2 ปีแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 406,565.80 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากจำนวนเงิน 352,536.80 บาท นับแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2531 ซึ่งเป็นวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังยุติว่า โจทก์เป็นพ่อค้ารับจ้างทำกล่องกระดาษสำหรับบรรจุสิ่งของ ส่วนจำเลยทั้งสองเป็นนักอุตสาหกรรม ประกอบอุตสาหกรรมผลิตเครื่องไฟฟ้าประเภทกะทะไฟฟ้า กาต้มน้ำไฟฟ้าและหม้อหุงข้าวไฟฟ้าจำหน่าย จำเลยทั้งสองได้ว่าจ้างโจทก์ทำกล่องกระดาษสำหรับบรรจุสินค้าที่ผลิตออกจำหน่ายโดยพิมพ์ตราอูฐเป็นเครื่องหมายการค้ากำกับคำโฆษณาไว้ที่ข้างกล่องแล้วไม่ชำระเงินค่ากล่องกระดาษ โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองเรียกเอาหนี้สินที่ได้ส่งมอบของดังกล่าวเป็นคดีนี้ ฟ้องโจทก์นั้นได้ยื่นเมื่อพ้น 2 ปีนับแต่ขณะที่โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้คงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คดีขาดอายุความหรือไม่เห็นว่า ขณะที่โจทก์กับจำเลยทั้งสองพิพาทกันนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) บัญญัติว่า สิทธิเรียกร้องของบุคคลผู้เป็นพ่อค้า ผู้ประกอบหัตถกรรมผู้เป็นช่างฝีมือ เรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของ ทำของ มีกำหนดอายุความ 2 ปี เว้นแต่การที่ได้ทำเพื่ออุตสาหกรรมของฝ่ายลูกหนี้นั้นเองจึงจะมีอายุความ 5 ปีตามวรรคท้าย แต่คำว่า “อุตสาหกรรม” ตามบทบัญญัติดังกล่าวตอนท้ายนี้หมายถึงกิจการที่มีการประดิษฐ์สิ่งของขึ้นเพื่อให้เกิดประโยชน์เป็นกำไรดังที่พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2525 ให้คำนิยามไว้ว่า อุตสาหกรรม น. การทำสิ่งของเพื่อให้เกิดผลประโยชน์เป็นกำไร เมื่อกล่องกระดาษที่โจทก์ทำขึ้นนั้นจำเลยทั้งสองนำมาใช้สำหรับบรรจุเครื่องไฟฟ้าที่ผลิตสำเร็จแล้ว กล่องกระดาษโดยลำพังคงเป็นเพียงอุปกรณ์ใช้ประจำอยู่กับสินค้าที่ผลิตเท่านั้น หาได้เป็นสินค้าที่จำเลยทั้งสองจำหน่ายได้ผลประโยชน์เป็นกำไรไม่ เท่ากับการประดิษฐ์กล่องกระดาษนั้นมิได้อยู่ในความหมายที่ว่าเป็นการได้ทำเพื่ออุตสาหกรรมของฝ่ายลูกหนี้นั้นเองซึ่งมีอายุความ 5 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 วรรคท้าย สิทธิเรียกร้องหนี้สินรายนี้ของโจทก์คงมีอายุความ 2 ปีเท่านั้น โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อพ้นกำหนดเวลาดังกล่าว คดีจึงขาดอายุความ ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน