คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16911/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำฟ้องของโจทก์เป็นคำฟ้องที่เสนอเกี่ยวเนื่องกับการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาล ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการไปตามหมายบังคับคดีของศาลนั้นในอันที่จะปฏิบัติตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในภาค 4 แห่ง ป.วิ.พ. เพื่อบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง รวมทั้งมีอำนาจดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับคดีได้โดยให้ถือเสมือนเป็นเจ้าพนักงานศาล ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 278 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1 (14) แม้เจ้าพนักงานบังคับคดีคดีนี้เป็นเจ้าพนักงานในสังกัดจำเลย แต่เมื่อจำเลยมิใช่เจ้าพนักงานบังคับคดีตามหมายบังคับคดีของศาล จำเลยจึงไม่มีอำนาจเพิกถอนคำสั่งริบเงินมัดจำและให้นำทรัพย์นั้นออกขายใหม่ของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ได้ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ในการบังคับคดีตามหมายบังคับคดีของศาลและตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในภาค 4 แห่ง ป.วิ.พ. ในฐานะเสมือนเจ้าพนักงานศาลได้ คำขอบังคับตามคำฟ้องของโจทก์ในส่วนนี้ย่อมไม่อาจบังคับได้
จำเลยมิใช่เจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งเป็นคู่สัญญาซื้อขายทอดตลาดกับโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจที่จะบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายทอดตลาดได้ คำขอบังคับท้ายคำฟ้องของโจทก์จึงไม่อาจบังคับได้ตามกฎหมาย ศาลชอบที่จะพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้เองแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 247

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาให้จำเลยเพิกถอนคำสั่งริบเงินมัดจำลงวันที่ 9 มกราคม 2552 และให้เจ้าพนักงานบังคับคดีพื้นที่เขตมีนบุรี ผู้แทนจำเลยนำทรัพย์ออกขายใหม่ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 9763/2540 ของศาลแพ่ง ระหว่าง พันตำรวจตรีประมุข กับพวก โจทก์ บริษัทยูพีเอส คอนสตรัคชั่นกรุ๊ป จำกัด จำเลย และให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายทอดตลาดส่งมอบที่ดินและโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจำนวน 8 แปลง โฉนดเลขที่ 43032 ถึง 43037, 59175 และ 59176 ตำบลลำปลาทิว อำเภอลาดกระบัง (แสนแสบ) กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างโครงการบ้านเดี่ยวสองชั้นจำนวน 560 หลัง ให้แก่โจทก์ โดยโจทก์จะชำระราคาที่เหลือจำนวน 67,780,000 บาท ให้แก่จำเลย หากจำเลยไม่สามารถส่งมอบให้ครบถ้วนให้จำเลยส่งมอบและโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจำนวน 8 แปลงดังกล่าวให้แก่โจทก์และรับชำระราคาเฉพาะค่าที่ดินจำนวน 28,364,400 บาท
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำฟ้องของโจทก์มีคำขอบังคับให้ศาลพิพากษาให้จำเลยเพิกถอนคำสั่งริบเงินมัดจำลงวันที่ 9 มกราคม 2552 และให้เจ้าพนักงานบังคับคดีพื้นที่เขตมีนบุรี ผู้แทนจำเลยนำทรัพย์ออกขายใหม่ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 9763/2540 ของศาลแพ่ง ระหว่าง พันตำรวจตรีประมุข กับพวก โจทก์ บริษัทยูพีเอส คอนสตรัคชั่นกรุ๊ป จำกัด จำเลย อันเป็นคำฟ้องที่เสนอเกี่ยวเนื่องกับการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาล ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการไปตามหมายบังคับคดีของศาลนั้นในอันที่จะปฏิบัติตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในภาค 4 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เพื่อบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง รวมทั้งมีอำนาจดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับคดีได้โดยให้ถือเสมือนเป็นเจ้าพนักงานศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 278 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1 (14) แม้เจ้าพนักงานบังคับคดีคดีนี้เป็นเจ้าพนักงานในสังกัดจำเลย แต่เมื่อจำเลยมิใช่เจ้าพนักงานบังคับคดีตามหมายบังคับคดีของศาล จำเลยจึงไม่มีอำนาจเพิกถอนคำสั่งริบเงินมัดจำและให้นำทรัพย์นั้นออกขายใหม่ของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ได้ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ในการบังคับคดีตามหมายบังคับคดีของศาลและตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในภาค 4 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ในฐานะเสมือนเจ้าพนักงานศาลได้ คำขอบังคับตามคำฟ้องของโจทก์ในส่วนนี้ย่อมไม่อาจบังคับได้ และที่โจทก์มีคำขอให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายทอดตลาดส่งมอบที่ดินและโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจำนวน 8 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้าง โครงการบ้านเดี่ยวสองชั้นจำนวน 560 หลัง ให้แก่โจทก์ โดยโจทก์จะชำระราคาที่เหลือจำนวน 67,780,000 บาท ให้แก่จำเลย หากจำเลยไม่สามารถส่งมอบให้ครบถ้วนให้จำเลยส่งมอบและโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจำนวน 8 แปลงให้แก่โจทก์ และรับชำระราคาจำนวน 28,364,400 บาท เห็นว่า จำเลยมิใช่เจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งเป็นคู่สัญญาซื้อขายทอดตลาดกับโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจที่จะบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายทอดตลาดได้ คำขอบังคับท้ายคำฟ้องของโจทก์จึงไม่อาจบังคับได้ตามกฎหมาย ศาลชอบที่จะพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้เองแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 247 ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล คดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share