แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เหตุประพฤติเนรคุณที่จำเลยขับไล่โจทก์ออกจากบ้านและบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นแก่การเลี้ยงชีวิตโจทก์ซึ่งเกิดขึ้นนับถึงวันฟ้องเกินกว่า 6 เดือนย่อมขาดอายุความ แต่บทบัญญัติป.พ.พ. มาตรา 531(3) มาตรา 533 มิได้กำหนดว่าในชั่วชีวิตของโจทก์จะขอสิ่งจำเป็นเพื่อการเลี้ยงชีวิตจากจำเลยได้เพียงครั้งเดียวการขาดแคลนสิ่งจำเป็นเพื่อเลี้ยงชีวิตย่อมเกิดขึ้นได้ทุกขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ โจทก์ย่อมขอสิ่งเหล่านั้นจากจำเลยได้เสมอตามความจำเป็น และจำเลยยังสามารถให้ได้ โจทก์ฟ้องและนำสืบได้ความว่าก่อนฟ้องคดีประมาณ 1 เดือน โจทก์ป่วยไม่มีเงินค่ารักษาพยาบาลจึงขอเงินจากจำเลยแต่จำเลยไม่ยอมให้โดยจำเลยอยู่ในฐานะจะให้เงินแก่โจทก์ได้ จึงเป็นการประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ อันเป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิเรียกถอนคืนการให้ที่ดินจากจำเลยได้ คดีโจทก์ส่วนนี้ไม่ขาดอายุความ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องโดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาว่า โจทก์เป็นมารดาจำเลย โจทก์จดทะเบียนยกที่ดินให้จำเลยโดยเสน่หา โจทก์ซึ่งเป็นคนชรามีโรคประจำตัวก็อาศัยอยู่กับจำเลยเรื่อยมาแต่จำเลยไม่เอาใจใส่ดูแลโจทก์เหมือนที่เคยปฏิบัติมาก่อน ครั้นต้นปี พ.ศ. 2529 จำเลยด่าว่าโจทก์ด้วยถ้อยคำหยาบคายทั้งต่อหน้าและลับหลัง อันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงและขับไล่โจทก์ออกจากบ้านจำเลยไม่ยอมเลี้ยงดูโจทก์ซึ่งยากไร้ไม่อาจทำมาหากินได้ ไม่เอาใจใส่พยาบาลโจทก์ยามโจทก์แก่ชราทั้งที่จำเลยสามารถเลี้ยงดูและพยาบาลโจทก์ได้โจทก์เคยขอสิ่งจำเป็นเพื่อเลี้ยงชีวิตจากจำเลย แต่จำเลยปฏิเสธก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์เคยขอสิ่งจำเป็นเพื่อการเลี้ยงชีพจากจำเลยแต่จำเลยปฏิเสธ การกระทำของจำเลยเป็นการประพฤติเนรคุณโจทก์ขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินคืนแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า โจทก์ฟ้องเมื่อพ้นกำหนดเวลาหกเดือนนับแต่โจทก์ทราบถึงเหตุประพฤติเนรคุณ ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ จำเลยไม่เคยด่าว่าหรือหมิ่นประมาทหรือขับไล่โจทก์ จำเลยยังคงส่งสิ่งของจำเป็นต่อการเลี้ยงชีพให้โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ โดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์โฉนดที่ดินคืนแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…สำหรับปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า ฟ้องโจทก์ระบุว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง ขับไล่โจทก์ออกจากบ้านและบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นแก่การเลี้ยงชีวิตแก่โจทก์เมื่อต้นปี พ.ศ. 2529 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม2532 จึงล่วงไปแล้วหกเดือน นับแต่เหตุเช่นนั้นได้ทราบถึงโจทก์ผู้ชอบที่จะเรียกคืนการให้ ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ แม้โจทก์จะให้นางเฉลา สุวรรณ์ มาขอเงินจากจำเลยก่อนฟ้องคดีนี้ 1 เดือน ก็ไม่ทำให้การนับอายุความซึ่งเริ่มนับตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2529 สะดุดหยุดลงและไม่เป็นมูลเหตุที่จะต้องนับอายุความขึ้นใหม่ และก่อนโจทก์ฟ้องคดี 1 เดือน โจทก์มิได้ป่วย โจทก์ไม่เคยขอเงินจากจำเลยและจำเลยไม่เคยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531 บัญญัติว่า อันผู้ให้จะเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณนั้น ท่านว่าอาจจะเรียกได้แต่เพียงในกรณีดังกล่าวต่อไปนี้… (2) ถ้าผู้รับได้ทำให้ผู้ให้เสียชื่อเสียงหรือหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง หรือ (3) ถ้าผู้รับได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้ และมาตรา 533 บัญญัติว่า…หรือเมื่อเวลาได้ล่วงไปแล้วหกเดือนนับแต่เหตุเช่นนั้นได้ทราบถึงบุคคลผู้ชอบที่จะเรียกถอนคืนการให้ได้นั้นก็ดี ท่านว่าหากอาจจะถอนคืนการให้ได้ไม่ ดังนั้น เหตุประพฤติเนรคุณที่โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องและนำสืบว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง จำเลยขับไล่โจทก์ออกจากบ้านและบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นแก่การเลี้ยงชีวิตโจทก์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2529 นับถึงวันฟ้องเกินกว่า 6 เดือน จึงขาดอายุความแล้ว โจทก์ย่อมไม่อาจอ้างเหตุดังกล่าวเพื่อขอถอนคืนการให้ที่ดินจากจำเลยได้ แต่อย่างไรก็ตามบทบัญญัติดังกล่าวมิได้กำหนดว่าในชั่วชีวิตของโจทก์จะขอสิ่งจำเป็นเพื่อการเลี้ยงชีวิตของโจทก์จากจำเลยได้เพียงครั้งเดียว การขาดแคลนสิ่งจำเป็นเพื่อเลี้ยงชีวิตย่อมเกิดขึ้นได้ทุกขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นเมื่อโจทก์ยังมีชีวิตอยู่และยากไร้ โจทก์ย่อมขอสิ่งเหล่านั้นจากจำเลยได้เสมอตามความจำเป็นและจำเลยยังสามารถให้ได้… พยานหลักฐานของโจทก์น่าเชื่อว่าก่อนฟ้องคดีนี้ประมาณ1 เดือน โจทก์ป่วยไม่มีเงินค่ารักษาพยาบาลจึงขอเงินจากจำเลยไปรักษาตัว แต่จำเลยไม่ยอมให้… การที่จำเลยปฏิเสธไม่ยอมให้เงินแก่โจทก์นำไปรักษาตัวเนื่องจากเจ็บป่วยก่อนโจทก์ฟ้องเป็นคดีนี้ประมาณ 1 เดือน ในขณะที่โจทก์ยากไร้และชราภาพโดยมีอายุถึง84 ปี และจำเลยอยู่ในฐานะจะให้เงินแก่โจทก์ได้ จึงเป็นการประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ อันเป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิเรียกถอนคืนการให้ที่ดินจากจำเลยได้โดยคดีโจทก์ส่วนนี้ไม่ขาดอายุความที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.