แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ป.รัษฎากร มาตรา 31 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า”การอุทธรณ์ไม่เป็นการทุเลาการเสียภาษีอากร ถ้าไม่เสียภาษีอากรภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ให้ถือเป็นภาษีอากรค้างตามมาตรา 12 เว้นแต่กรณีที่ผู้อุทธรณ์ได้รับอนุมัติจากอธิบดีให้รอคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือคำพิพากษาได้ ก็ให้มีหน้าที่ชำระภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือได้รับทราบคำพิพากษาถึงที่สุด แล้วแต่กรณี” และคำร้องขอทุเลาการเสียภาษีอากรของโจทก์เป็นคำร้องขอทุเลาการเสียภาษีอากรไว้ระหว่างรอคำวินิจฉัยอุทธรณ์ตามระเบียบกรมสรรพากรว่าด้วยการอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์ตาม ป.รัษฎากร พ.ศ.2546 ข้อ 14 (1) ซึ่งโจทก์ยื่นคำร้องดังกล่าวพร้อมกับคำอุทธรณ์การประเมินเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2554 แม้ต่อมาวันที่ 12 มกราคม 2555 จำเลยมีคำสั่งไม่อนุมัติให้ทุเลาการเสียภาษีอากรซึ่งโจทก์ยื่นอุทธรณ์และจำเลยมีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ไม่อนุมัติให้ทุเลาและยกอุทธรณ์โจทก์ก็ตาม แต่ปรากฏว่าต่อมาคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ที่ได้อุทธรณ์การประเมินฉบับลงวันที่ 24 มิถุนายน 2554 ว่า การประเมินของเจ้าพนักงานชอบแล้วแต่ให้ลดเบี้ยปรับลงกึ่งหนึ่ง โดยวินิจฉัยเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2557 ดังนั้น คำสั่งและคำวินิจฉัยของจำเลยที่ไม่อนุมัติให้ทุเลาการเสียภาษีอากรระหว่างรอคำวินิจฉัยอุทธรณ์การประเมินภาษีย่อมสิ้นผลบังคับแล้ว ไม่มีผลกระทบต่อสิทธิของโจทก์อีกต่อไป จึงไม่จำเป็นต้องพิจารณาว่าการขอทุเลาการเสียภาษีอากรของโจทก์ในระหว่างรอคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งตามหนังสือที่ กค 0706/ก1/297 เรื่อง ไม่อนุมัติให้ทุเลาการเสียภาษีอากร ลงวันที่ 12 มกราคม 2555 กับให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ที่ 02/2557 ลงวันที่ 6 มกราคม 2557 และขอให้จำเลยรับเอาที่ดินโฉนดเลขที่196281 ตำบลบางนา อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 39/1 ถึง 39/5 ที่ปลูกสร้างอยู่บนที่ดินดังกล่าวเพื่อทุเลาการเสียภาษีอากร
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามที่คู่ความไม่ได้โต้แย้งกันว่า ศาลแพ่งกรุงเทพใต้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 3604/2546 ให้บริษัทอนิชตา จำกัด ส่งมอบที่ดินที่ให้เช่าโฉนดเลขที่ 196281 ตำบลบางนา อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินที่ให้เช่าแก่นายอุดม โจทก์ในคดีนี้ ให้บริษัทอนิชตา จำกัด จดทะเบียนเพิกถอนการเช่าและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในอาคารเลขที่ 39/1 ถึง 39/5 เฉพาะสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์ในคดีนี้ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เจ้าพนักงานของจำเลยเห็นว่าการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในสิ่งปลูกสร้างตามคำสั่งศาลถือเป็นการขาย เมื่อโจทก์ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ถือเป็นเงินได้หรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้เนื่องจากการเช่าทรัพย์สินตามมาตรา 40(5) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร แต่โจทก์ไม่ได้นำเงินได้ไปยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 33,681,218.95 บาท เบี้ยปรับ 3,681,218.95 บาท เงินเพิ่ม 33,681,218.95 บาท รวม 101,043,656 บาท โจทก์ได้รับหนังสือแจ้งการประเมินโดยชอบแล้ว และได้ยื่นอุทธรณ์การประเมินพร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการเสียภาษีอากรต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ โดยนำที่ดินโฉนดเลขที่ 196281 ตำบลบางนา อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร ที่มีราคาประเมิน 37,004,000 บาท พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 39/1 ถึง 39/5 ที่ปลูกสร้างอยู่บนที่ดินดังกล่าวทั้งหมด ซึ่งเป็นอาคารที่เจ้าพนักงานของจำเลยคำนวณมูลค่าขณะทำการประเมินภาษีของโจทก์ ต่อมาวันที่ 6 ธันวาคม 2554 เจ้าพนักงานของจำเลยมีหนังสือแจ้งโจทก์ว่าทรัพย์สินมีมูลค่าคุ้มหนี้ภาษีอากรและนัดให้โจทก์ไปจดทะเบียนจำนอง แต่เมื่อจะจดทะเบียนจำนองเจ้าพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาพระโขนงแจ้งว่าไม่อาจจดทะเบียนจำนองให้ได้ เนื่องจากสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 39/1 ถึง 39/5 มีชื่อบริษัทอนิชตา จำกัด เป็นผู้ขออนุญาตปลูกสร้าง และยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์เป็นของโจทก์ ทั้งอาคารดังกล่าวจดทะเบียนจำนองไว้แก่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ไทยซัมมิท จำกัด และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์สินอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หากจำเลยรับจำนองก็ต้องเป็นเจ้าหนี้จำนองลำดับที่สอง เพราะเหตุดังกล่าวจึงไม่อาจจดทะเบียนจำนองได้ จำเลยจึงไม่อนุมัติให้ทุเลาการเสียภาษีอากร ต่อมาวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2555 โจทก์อุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ไม่อนุมัติให้ทุเลาการเสียภาษีอากร โดยในวันเดียวกันนั้นโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอทุเลาการเสียภาษีอากรอีกครั้งโดยเสนอที่ดินโฉนดเลขที่ 196281 และที่ดินโฉนดเลขที่ 216467 ตำบลบางนา อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร เป็นหลักประกัน แต่เจ้าพนักงานของจำเลยมีหนังสือแจ้งแก่โจทก์ว่า อาคารและที่ดินมีราคาประเมินทุนทรัพย์เมื่อนำมาหักภาระจำนองของอาคารไม่คุ้มหนี้ภาษีอากรที่โจทก์ต้องชำระคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีมติให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์ เนื่องจากไม่ได้จัดให้มีหลักประกันตามข้อ 15 ของระเบียบกรมสรรพากรว่าด้วยการอุทธรณ์ พ.ศ.2546 ต่อมาวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 โจทก์ได้รับหนังสือแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ในเรื่องการขอทุเลาการเสียภาษีอากรแล้ว โจทก์ไม่เห็นด้วยจึงมาฟ้องเป็นคดีนี้ หลังจากที่โจทก์ยื่นคำฟ้องคดีนี้แล้ว ต่อมาวันที่ 28 มีนาคม 2557 โจทก์ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ในเรื่องการประเมินภาษี ซึ่งได้วินิจฉัยอุทธรณ์เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2557 ให้โจทก์ชำระภาษีแต่ลดเบี้ยปรับลงกึ่งหนึ่ง
สำหรับปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่า คำสั่งไม่อนุมัติให้ทุเลาการชำระภาษีอากรของจำเลยตามหนังสือ ที่ กค 0706/ก1/297 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ 02/2557 ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า ประมวลรัษฎากร มาตรา 31 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “การอุทธรณ์ไม่เป็นการทุเลาการเสียภาษีอากร ถ้าไม่เสียภาษีอากรภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ให้ถือเป็นภาษีอากรค้างตามมาตรา 12 เว้นแต่กรณีที่ผู้อุทธรณ์ได้รับอนุมัติจากอธิบดีให้รอคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือคำพิพากษาได้ ก็ให้มีหน้าที่ชำระภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือได้รับทราบคำพิพากษาถึงที่สุด แล้วแต่กรณี” และคำร้องขอทุเลาการเสียภาษีอากรของโจทก์เป็นคำร้องขอทุเลาการเสียภาษีอากรไว้ระหว่างรอคำวินิจฉัยอุทธรณ์ตามระเบียบกรมสรรพากรว่าด้วยการอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากร พ.ศ.2546 ข้อ 14 (1) ซึ่งโจทก์ยื่นคำร้องดังกล่าวพร้อมกับคำอุทธรณ์การประเมิน เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2554 แม้ต่อมาวันที่ 12 มกราคม 2555 ผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุมัติให้ทุเลาการเสียภาษีอากรซึ่งโจทก์ยื่นอุทธรณ์และผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ไม่อนุมัติให้ทุเลาการเสียภาษีอากรและยกอุทธรณ์โจทก์ก็ตาม แต่ปรากฏว่าต่อมาคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ที่ได้อุทธรณ์การประเมินฉบับลงวันที่ 24 มิถุนายน 2554 ว่า การประเมินของเจ้าพนักงานชอบแล้ว แต่ให้ลดเบี้ยปรับลงกึ่งหนึ่ง โดยวินิจฉัยเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2557 คำสั่งและคำวินิจฉัยของผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ที่ไม่อนุมัติให้ทุเลาการเสียภาษีอากรระหว่างรอคำวินิจฉัยอุทธรณ์การประเมินภาษีย่อมสิ้นผลบังคับแล้ว ไม่มีผลกระทบต่อสิทธิของโจทก์อีกต่อไป จึงไม่จำเป็นต้องพิจารณาว่าการขอทุเลาการเสียภาษีอากรของโจทก์ในระหว่างรอคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องนั้น ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ