แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทั้งสองไปงานเทศกาลทำบุญวันสารท ที่วัด ไม่ได้เจตนาร่วมกันไปฆ่าผู้เสียหายมาตั้งแต่แรก เมื่อพบผู้เสียหายที่หน้าศาลาการเปรียญ จำเลยที่ 1 เข้าไปเอาอาวุธปืนจ่อขมับผู้เสียหายเป็นเหตุการณ์ที่จำเลยที่ 2 ไม่คาดคิดมาก่อน โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยทั้งสองปรึกษาร่วมกันฆ่าผู้เสียหายมาก่อนหรือในขณะนั้นเพียงแต่เมื่อกระสุนปืนลั่นถูกผู้เสียหาย ผู้เสียหายแย่งอาวุธปืนจากจำเลยที่ 1 เมื่อ ส. เข้าไปช่วยยกผู้เสียหายออกจากที่เกิดเหตุจำเลยที่ 2 จึงกระโดดเข้าไปถีบผู้เสียหาย เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นภายหลังการกระทำของจำเลยที่ 1 จำเลยทั้งสองหนีไปด้วยกันเนื่องจากมาวัดด้วยรถจักรยานยนต์ด้วยกัน และหนีไปหลังจากมีคนมาแยกผู้เสียหายออกจากจำเลยทั้งสองแล้ว พฤติการณ์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 พยายามฆ่าผู้เสียหาย ฟังได้เพียงว่า จำเลยที่ 2ทำร้ายผู้เสียหายไม่ถึงกับเกิดอันตรายแก่กาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 80, 288
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วย มาตรา 80, 83 จำเลยที่ 2กระทำความผิดในขณะอายุไม่เกิน 20 ปี เห็นสมควรลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ให้จำคุกจำเลยที่ 1มีกำหนด 12 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 ให้จำคุก 1 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองไปงานเทศกาลทำบุญวันสารท ที่วัดปากสระ ไม่ได้เจตนาร่วมกันไปฆ่าผู้เสียหายมาตั้งแต่แรก เมื่อพบผู้เสียหายที่หน้าศาลาการเปรียญจำเลยที่ 1 เข้าไปใช้อาวุธปืนจ่อที่ขมับซ้ายของผู้เสียหายผู้เสียหายปัด กระสุนปืนจึงลั่น เป็นเหตุการณ์ที่จำเลยที่ 2ไม่คาดคิดมาก่อน โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยทั้งสองปรึกษาร่วมกันฆ่าผู้เสียหายมาก่อนหรือในขณะนั้น เพียงแต่เมื่อกระสุนปืนลั่นถูกผู้เสียหาย ผู้เสียหายแย่งอาวุธปืนจากจำเลยที่ 1 ได้ส่วนกระบอกปืนไป จำเลยที่ 1 ก็กำส่วนด้ามปืนไว้ เมื่อนายสว่างเข้าไปช่วยยกผู้เสียหายออกจากที่เกิดเหตุ จำเลยที่ 2 จึงกระโดดเข้าไปถีบผู้เสียหายซึ่งเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นภายหลังการกระทำของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 กระทำเพียงถีบผู้เสียหายเท่านั้นแม้จำเลยที่ 2 จะหนีไปพร้อมกับจำเลยที่ 1 ก็เนื่องจากมาวัดปากสระด้วยรถจักรยานยนต์ด้วยกัน และหนีไปหลังจากมีคนมาแยกผู้เสียหายออกจากจำเลยทั้งสองแล้ว ไม่ใช่หลบหนีเพราะกลัวคนเห็นหรือฆ่าผู้เสียหายได้สำเร็จ พฤติการณ์ดังได้วินิจฉัยมายังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 พยายามฆ่าผู้เสียหาย คงฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยที่ 2 ได้เข้าทำร้ายผู้เสียหายโดยถีบผู้เสียหายเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายจากการกระทำของจำเลยที่ 2
พิพากษายืน