คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ส. กรรมการของโจทก์ได้เรียกประชุมใหญ่โดยจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นกรรมการด้วยไม่ได้มีมติให้นัดเรียกประชุมใหญ่ การนัดเรียกประชุมใหญ่จึงเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะหุ้นส่วนบริษัท แต่หาทำให้การประชุมใหญ่และมติที่เกิดขึ้นเสียไปหรือตกเป็นโมฆะไม่ จนกว่าศาลจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้เพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่อันผิดระเบียบนั้นเสียก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1195 เมื่อยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าว ต้องถือว่าการนัดเรียกประชุมและการประชุมใหญ่ที่ได้ลงมติพิเศษให้เลิกบริษัทและตั้งผู้ชำระบัญชีซึ่งศาลยังไม่ได้พิพากษาเพิกถอน มีผลเป็นการนัดเรียกประชุมและประชุมใหญ่ตามกฎหมายแล้ว มติพิเศษให้เลิกบริษัทและตั้งผู้ชำระบัญชีจึงมีผลบังคับตามกฎหมาย โจทก์โดยผู้ชำระบัญชีจึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยทั้งสองหยุดประกอบกิจการในนามของโจทก์และส่งมอบเอกสารต่าง ๆ ของโจทก์ให้แก่ผู้ชำระบัญชีของโจทก์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีจำเลยทั้งสองและนายสุภา ธีระศักดิ์ เป็นกรรมการ โดยจำเลยทั้งสองเป็นผู้รับผิดชอบควบคุมดูแลการดำเนินงาน ด้านการเงิน การบัญชี และการภาษีของโจทก์ นายสุภา กรรมการของโจทก์พบว่าโจทก์ประสบภาวะขาดทุนอย่างหนักและมีหนี้สินอยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทโจทก์เพื่อรายงานผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของโจทก์ กับพิจารณาให้เลิกบริษัทโจทก์ด้วยที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้ลงมติ และมติพิเศษเป็นเอกฉันท์ให้เลิกบริษัทโจทก์ โจทก์จึงได้จดทะเบียนเลิกบริษัทโดยแต่งตั้งนายสุภาเป็นผู้ชำระบัญชี นายสุภาได้สั่งปิดโรงงานเพื่อหยุดประกอบกิจการกับได้แจ้งให้จำเลยทั้งสองทำการส่งมอบเอกสารต่าง ๆ ของโจทก์อันเกี่ยวกับการเงิน การบัญชีและการภาษี ซึ่งจำเลยทั้งสองได้ครอบครองตั้งแต่ขณะเป็นกรรมการของโจทก์ให้แก่ผู้ชำระบัญชีของโจทก์เพื่อจัดการชำระบัญชีตามกฎหมายต่อไป แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับให้จำเลยทั้งสองหยุดประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายน้ำดื่มในนามของโจทก์และห้ามจำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องกับโจทก์ต่อไป ให้จำเลยทั้งสองส่งมอบเอกสารต่าง ๆ ของโจทก์อันเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี และการภาษีของโจทก์ ให้แก่ผู้ชำระบัญชีของโจทก์เพื่อจัดการชำระบัญชีตามกฎหมาย ให้จำเลยทั้งสองส่งมอบเงินรายได้จากการประกอบกิจการ
จำเลยทั้งสองให้การว่า บริษัทโจทก์ไม่ได้แต่งตั้งนายสุภาธีระศักดิ์ ให้เป็นผู้ชำระบัญชีโดยชอบด้วยกฎหมาย การประชุมแต่งตั้งให้นายสุภาเป็นผู้ชำระบัญชีไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะไม่ได้ดำเนินการประชุมตามกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องการจดทะเบียนเลิกบริษัทโจทก์เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2530เป็นการกระทำโดยผิดกฎหมาย จึงเป็นโมฆะไม่มีผลเป็นการเลิกบริษัทโจทก์ จำเลยทั้งสองไม่มีหน้าที่ต้องส่งมอบเอกสารต่าง ๆ ของโจทก์อันเกี่ยวกับการเงินการบัญชี และการภาษีหรือเอกสารอื่น ๆให้นายสุภา ธีระศักดิ์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองส่งมอบเอกสารต่าง ๆ ของโจทก์อันเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี และการภาษีของโจทก์ให้แก่นายสุภา ธีระศักดิ์ ผู้ชำระบัญชีของโจทก์เพื่อจัดการชำระบัญชีตามกฎหมายต่อไป คำขออื่นของโจทก์ให้ยก
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองหยุดดำเนินกิจการผลิตและจำหน่ายน้ำดื่มยี่ห้อรินของโจทก์ และให้ใช้เงินจำนวน100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย และให้ใช้เงินอีกวันละ 1,000 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะหยุดกิจการแก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้นายสุภากรรมการของโจทก์ได้เรียกประชุมใหญ่โดยจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นกรรมการด้วยจะไม่ได้มีมติให้นัดเรียกประชุมใหญ่ การนัดเรียกประชุมใหญ่จึงเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ลักษณะหุ้นส่วนบริษัทแต่หาทำให้การประชุมใหญ่และมติที่เกิดขึ้นเสียไปหรือตกเป็นโมฆะไม่จนกว่าศาลจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้เพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่อันผิดระเบียบนั้นเสียก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1195 แต่เมื่อยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าวต้องถือว่าการนัดเรียกประชุมและการประชุมใหญ่ที่ได้ลงมติพิเศษให้เลิกบริษัทและแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีซึ่งศาลยังไม่ได้พิพากษาเพิกถอน มีผลเป็นการนัดเรียกประชุมและประชุมใหญ่ตามกฎหมายแล้วมติพิเศษที่ให้เลิกบริษัทและตั้งผู้ชำระบัญชีจึงมีผลบังคับตามกฎหมายเช่นกันไม่ตกเป็นโมฆะ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
พิพากษายืน

Share