แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พระพุทธรูปองค์ที่หายไปเป็นพระที่ ต. ขุดพบที่จอมปลวกแห่งหนึ่งห่างจากวัดร่องขุ่นไปประมาณ 1 กิโลเมตร เมื่อปี 2475ขณะ ต.บวชเณรอยู่ที่วัดร่องขุ่นต. นำมาให้เจ้าอาวาสวัดร่องขุ่นในขณะนั้นเก็บไว้ หลังเจ้าอาวาสรูปนั้นมรณภาพแล้วต. ได้นำไปเก็บไว้ที่บ้านของตน จนปี 2519 จึงนำมาเก็บไว้ใต้ฐานเจดีย์ที่เกิดเหตุ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นทรัพย์อันเป็นที่สักการะบูชาของประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 ทวิ วรรคแรก แม้จำเลยที่ 2 กับพวกจะลักพระพุทธรูปดังกล่าวในวัดก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 335 ทวิ วรรคสอง และกรณีเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกาเห็นสมควรพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 1และที่ 3 ที่มิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 335, 335 ทวิ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนพระพุทธรูปสิงห์รุ่นหนึ่ง หรือใช้ราคา 100,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ทวิ วรรคสอง, 83 ลงโทษจำคุกคนละ 8 ปี จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นจับกุมถึงชั้นพิจารณา ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้จำเลยที่ 1 และที่ 3คนละกึ่งหนึ่ง และลดโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 1และที่ 3 คนละ 4 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 5 ปี 4 เดือนให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนพระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์รุ่นหนึ่งหรือใช้ราคา 100,000 บาท แก่ผู้เสียหาย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า พระพุทธรูปองค์ที่หายไปที่โจทก์อ้างและนำสืบว่าเป็นที่เคารพบูชาของชาวบ้านนั้น ปรากฏว่าเป็นพระที่นายตุ้ยขุดพบที่จอมปลวกแห่งหนึ่งห่างวัดร่องขุ่นไปประมาณ 1 กิโลเมตร เมื่อปี 2475 ขณะนายตุ้ยบวชเณรอยู่ที่วัดร่องขุ่น นายตุ้ยนำมาให้เจ้าอาวาสวัดร่องขุ่นในขณะนั้นเก็บไว้ หลังเจ้าอาวาสรูปนั้นมรณภาพแล้ว ต. ได้นำไปเก็บไว้ที่บ้านของตนจนปี 2519 จึงนำมาเก็บไว้ใต้ฐานเจดีย์ที่เกิดเหตุจึงถือไม่ได้ว่าเป็นทรัพย์อันเป็นที่สักการะบูชาของประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ทวิ วรรคแรก แม้จำเลยที่ 2 กับพวกจะลักพระพุทธรูปดังกล่าวในวัดก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา335 ทวิ วรรคสอง ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ทวิ วรรคสอง ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา และกรณีเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกาเห็นสมควรพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 และที่ 3 ที่มิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1)(7)(9) วรรคสาม ลงโทษจำคุกคนละ 3 ปี ลดโทษให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 กึ่งหนึ่ง และลดโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสามแล้วคงจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 คนละ 1 ปี 6 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2มีกำหนด 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์