คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3859/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ก่อนวันขายทอดตลาด 1 วัน จำเลยนำเงินไปชำระหนี้ตาคำพิพากษาบางส่วนแก่ น. ภริยาโจทก์ที่บ้าน และ น. ตกลงกับจำเลยว่าจะงดการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ยึดไว้ซึ่งกำหนดจะขายในวันรุ่งขึ้น แม้โจทก์มิได้ขอให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยดังกล่าวก็ตาม แต่เมื่อข้อตกลงระหว่างจำเลยกับ น. ดังกล่าว ไม่เกี่ยวกับการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ถูกยึดกรณีจึงเป็นเรื่องที่ น. ผิดข้อตกลงกับจำเลย ย่อมไม่กระทบกระเทือนถึงการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งได้ขายทอดตลาดตามวันเวลาที่ได้กำหนดไว้ตามที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศให้ทราบทั่วกันล่วงหน้าก่อนแล้วการขายทอดตลาดดังกล่าวของเจ้าพนักงานบังคับคดี จึงมิเสียไป
จำเลยยื่นคำร้องว่า ที่ดินและบ้าน 2 ชั้น ของจำเลยที่ถูกยึดมีราคาจริงถึง1,500,000 บาท แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวให้แก่ ธ.ผู้ซื้อในราคาเพียง 500,000 บาท ต่ำกว่าราคาจริงหลายเท่าเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงชอบที่จะถอนทรัพย์สินจากการขายทอดตลาดนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 513 หากเป็นความจริงก็อาจถือได้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 308 ที่บังคับให้การขายทอดตลาดต้องดำเนินไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ว่าด้วยการขายทอดตลาด จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาจึงชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลยโดยยังมิได้ทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 22405พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดโดยนายธเนตร รวิโชติกุลเป็นผู้ประมูลซื้อได้ในราคา 500,000 บาท

จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องว่า ก่อนถึงวันขายทอดตลาดจำเลยที่ 2 ได้ไปขอเจรจากับโจทก์แล้ว แต่ไม่พบตัว คงพบแต่นางนงเยาว์ อัฒจักร ภริยาโจทก์ จึงขอให้งดการขายทอดตลาดไว้ก่อนโดยชำระหนี้ให้อีกบางส่วนเป็นเงิน 25,000 บาทนางนงเยาว์ยินยอม ทำให้จำเลยทั้งสองเชื่อด้วยความสุจริตว่าโจทก์จะงดการขายทอดตลาดให้ จึงไม่ได้ไปในวันขายทอดตลาด แต่ในวันดังกล่าวกลับมีการขายทอดตลาดไปโดยทนายโจทก์พาบุคคลภายนอกไปซื้อทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองในราคาเพียง 500,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาจริง 2 เท่า เพราะเป็นบ้าน 2 ชั้น และตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง ทำให้จำเลยทั้งสองได้รับความเสียหาย การขายทอดตลาดดังกล่าว จึงไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้มีคำสั่งให้เพิกถอนการขายทอดตลาด

ศาลชั้นต้นตรวจคำร้องแล้วมีคำสั่งว่า ผู้ร้องไม่ได้ให้ศาลสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาด เพราะเหตุเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการโดยไม่สุจริตหรือไม่ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติและข้อบังคับที่กำหนดไว้ว่าด้วยการขายทอดตลาดแต่อย่างใด จึงไม่อาจเพิกถอนการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ ให้ยกคำร้อง

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำร้องของจำเลยทั้งสองที่ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีด้วยเหตุ 2 ประการคือ

1. ก่อนวันขายทอดตลาด 1 วัน จำเลยที่ 2 นำเงิน 25,000 บาท ไปชำระหนี้ตามคำพิพากษาบางส่วนแก่นางนงเยาว์ อัฒจักร ภริยาโจทก์ที่บ้าน และนางนงเยาว์ตกลงกับจำเลยที่ 2 ว่าจะงดการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดไว้จากจำเลยทั้งสองตามประกาศซึ่งกำหนดจะขายในวันรุ่งขึ้น แต่โจทก์มิได้ขอให้งดการขายทอดตลาดดังกล่าวและ

2. เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยทั้งสองคือที่ดินโฉนดเลขที่ 22405 ตำบลบ้านเลื่อม อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี พร้อมบ้าน 2 ชั้น บนที่ดินดังกล่าวให้แก่นายธเนตร รวิโชติกุล ในราคา 500,000 บาท ซึ่งที่ดินและบ้านมีราคาจริง 1,500,000 บาท จึงเป็นการขายทอดตลาดต่ำกว่าราคาจริงถึง 2 เท่า เห็นว่า ข้อตกลงระหว่างจำเลยที่ 2 กับนางนงเยาว์ที่ให้โจทก์งดการขายทอดตลาดไว้ก่อน หากมีอยู่จริงก็เป็นเรื่องที่นางนงเยาว์ผิดข้อตกลงกับจำเลยที่ 2 แต่การผิดข้อตกลงดังกล่าวไม่กระทบกระเทือนถึงการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งได้ขายทอดตลาดตามวันเวลาที่ได้กำหนดไว้ตามประกาศขายทอดตลาดที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศให้ทราบทั่วกันล่วงหน้าก่อนแล้ว ข้อตกลงงดขายทอดตลาดของจำเลยที่ 2 กับนางนงเยาว์ จึงไม่เกี่ยวกับการขายทอดตลาดดังกล่าวของเจ้าพนักงานบังคับคดี

สำหรับข้อกล่าวอ้างของจำเลยทั้งสองว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินเนื้อที่ 64.9 ตารางวา พร้อมบ้านที่เป็นตึก 2 ชั้น ของจำเลยทั้งสองในราคา 500,000 บาท ให้แก่นายธเนตรผู้ให้ราคาสูงสุดในการขายทอดตลาดครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2538 ซึ่งที่ดินและบ้านดังกล่าวมีราคาจริง 1,500,000 บาท จึงเป็นการขายทอดตลาดที่ไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นหากข้อกล่าวอ้างตามคำร้องของจำเลยทั้งสองที่ว่าที่ดินและบ้าน 2 ชั้น ของจำเลยทั้งสองมีราคาจริงถึง 1,500,000 บาทแต่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวให้แก่นายธเนตรในราคาเพียง 500,000 บาท ซึ่งเป็นการขายทอดตลาดต่ำกว่าราคาจริงหลายเท่า ถือได้ว่าเป็นการสู้ราคาสูงสุดที่ยังไม่เพียงพอ ชอบที่เจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ขายทอดตลาดอาจถอนทรัพย์สินจากการขายทอดตลาดนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 513 การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทรัพย์ที่ขายทอดตลาดไปในราคาต่ำเกินสมควรอันเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 513 ดังกล่าวถือได้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 308 ที่บังคับให้การขายทอดตลาดต้องดำเนินไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการขายทอดตลาดจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง ดังนั้น ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษาให้ยกคำร้องของจำเลยทั้งสองโดยยังมิได้ทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยทั้งสองให้ได้ความชัดว่า ข้อกล่าวอ้างเกี่ยวกับราคาที่ดินและบ้านเป็นความจริงหรือไม่ จึงเป็นการไม่ชอบ

พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนให้ได้ความว่าที่ดินและบ้านจำเลยทั้งสองมีราคา 1,500,000 บาท จริง ตามข้อกล่าวอ้างหรือไม่ แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

Share