คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3859/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกใช้อุบายหลอกลวงและพาโจทก์ทั้งสองไปค้าประเวณีที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แล้วยังได้พาโจทก์ทั้งสองไปค้าประเวณีที่ประเทศมาเลเซีย การกระทำของจำเลยมีเจตนาอย่างเดียวคือพาโจทก์ทั้งสองไปค้าประเวณี เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดกฎหมายหลายบท คือประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 320 วรรคแรกและมาตรา 283 วรรคแรกและวรรคสอง ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 283 วรรคแรกและวรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาเรื่องนี้ แต่การปรับบทลงโทษเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจปรับบทลงโทษให้ถูกต้องได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 276, 283, 320
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า สำหรับจำเลยที่ 1ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283, 320 เป็นฟ้องซ้ำ ให้ยกฟ้องคงมีมูลและประทับฟ้องเฉพาะข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 คดีมีมูลทุกข้อหาให้ประทับฟ้อง
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ 4 หลบหนี ศาลชั้นต้นออกหมายจับและจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 4 ชั่วคราว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคแรกและวรรคสองจำคุกคนละ 7 ปี จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคสอง จำคุก 15 ปี จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 320 วรรคแรก จำคุก 2 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 15 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 9 ปี จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 7 ปี คำให้การชั้นพิจารณาของจำเลยทั้งสามเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยทั้งสามหนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 10 ปี จำคุกจำเลยที่ 2มีกำหนด 6 ปี จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 4 ปี 8 เดือน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และนายภาพได้พาโจทก์ทั้งสองไปยังอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แล้วยังได้ข่มขืนใจโจทก์ทั้งสองให้เดินทางเข้าป่าข้ามพรมแดนไปประเทศมาเลเซียถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งได้พบกับพวกของจำเลย พวกของจำเลยได้รับตัวโจทก์ทั้งสองไปค้าประเวณีที่ประเทศมาเลเซีย เป็นการพาโจทก์ทั้งสองออกไปนอกราชอาณาจักร จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 320 วรรคแรกด้วย แต่การกระทำของจำเลยที่ 2 เห็นได้ว่า ได้ร่วมกับจำเลยอื่นใช้อุบายหลอกลวงและพาโจทก์ทั้งสองไปเพื่อค้าประเวณี และได้พาโจทก์ทั้งสองไปค้าประเวณีที่ประเทศมาเลเซีย การกระทำของจำเลยที่ 2 มีเจตนาอย่างเดียวคือพาโจทก์ทั้งสองไปค้าประเวณี แต่เป็นการพาไปค้าประเวณีนอกราชอาณาจักร ถือได้ว่าเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดกฎหมายหลายบทจำเลยที่ 2 ต้องรับโทษตามกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด คือประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคแรกและวรรคสอง แม้จำเลยที่ 2 จะมิได้ฎีกาเรื่องนี้ แต่การปรับบทลงโทษเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจปรับบทลงโทษให้ถูกต้องได้
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 283 วรรคแรกและวรรคสอง มาตรา 320 วรรคแรก มาตรา 83เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคแรกและวรรคสอง อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุก 7 ปีคำเบิกความของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 4 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share