แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้ร้องที่ 1 ซื้อเครื่องรับโทรทัศน์สีและเครื่องเล่นวีดีโอเกมพร้อมอุปกรณ์มาให้ผู้ร้องที่ 2 เช่าซื้อจำนวน 5 เครื่อง โดยรู้อยู่แล้วว่าผู้ร้องที่ 2 จะนำไปให้ผู้อื่นเช่าเล่น ดังนั้นการที่ผู้ร้องที่ 2 ให้จำเลยเช่าเครื่องเล่นวีดีโอเกมไปจากผู้ร้องที่ 2 ถึง 5เครื่อง นำมาตั้งให้เด็กเช่าเล่นเช่นนี้ ย่อมแสดงว่าผู้ร้องที่ 1รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดของจำเลยด้วย.
ย่อยาว
กรณีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 และให้ริบรถเข็น 1 คันเครื่องรับโทรทัศน์ 5 เครื่อง เครื่องเล่นวิดีโอเกม 5 เครื่องหม้อแปลงไฟฟ้า 5 ตัว ตลับเทปสำหรับเล่นวิดีโอเกม 19 ตลับและเงินสด30 บาทของกลาง
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องว่า ของกลางคดีนี้เว้นเงินสดเป็นของผู้ร้องทั้งสอง โดยรถเข็นเป็นของผู้ร้องที่ 2 นอกนั้นเป็นของผู้ร้องที่ 1 ผู้ร้องทั้งสองไม่ได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดของจำเลย
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องทั้งสองไม่ได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ถูกริบ และรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดของจำเลยขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้คืนเครื่องรับโทรทัศน์สี 5เครื่อง เครื่องเล่นวีดีโอเกม 5 เครื่อง หม้อแปลงไฟฟ้า 5 ตัว และตลับเทปหหสำหรับเล่นวีดีโอเกม 19 ตลับของกลาง ให้ผู้ร้องที่ 1ส่วนคำร้องของผู้ร้องที่ 2 ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำร้องของผู้ร้องที่ 1 ด้วยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้น
ผู้ร้องที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า ผู้ร้องที่ 1 เป็นเจ้าของเครื่องรับโทรทัศน์และเครื่องเล่นวีดีโอเกมพร้อมอุปกรณ์ของกลางส่วนผู้ร้องที่ 2 เป็นผู้เช่าซื้อเครื่องรับโทาทัศน์และเครื่องเล่นวีดีโอเกม พร้อมอุปกรณ์ดังกล่าวจากผู้ร้องที่ 1 ต่อมาวันที่ 1 พฤศจิกายน 2530 จำเลยได้เช่าเครื่องรับโทรทัศน์เครื่องเล่นวีดีโอเกม จากผู้ร้องที่ 2 แล้วจำเลยกับพวกที่พลบหนีนำไปตั้งให้เด็กเช่าเล่น ต่อมาจำเลยได้ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมฐานเป็นผู้จัดให้มีเครื่องเล่นวีดีโอเกมซึ่งใช้ไฟฟ้าจักรกลโดยมีการนับแต้มหรือเครื่องหมายใด ๆ ขึ้นเพื่อเป็นการนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตน ตามบัญชี ข. อันดับที่ 28ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตามกฎหมาย พร้อมของกลางคือรถเข็น 3 ล้อมีหลังคา 1 คันโทรทัศน์สี 5 เครื่อง เครื่องเล่นวีดีโอเกม 5 เครื่อง หม้อแปลงไฟฟ้า 5 ตัว ตลับเทปสำหรับเล่นวีดีโอเกม 19 ตลับ และเงินสด 30 บาทอันเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเล่นและเป็นทรัพย์สินที่ได้มาและได้ใช้ในการเล่นการพนันปัญหาที่ต้องวินิจฉัยมีว่า ผู้ร้องที่ 1 รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดของจำเลยหรือไม่ได้ความจากผู้ร้องที่ 1 ว่าเมื่อประมาณเดือนสิงหาคม 2530 ผู้ร้องที่ 2 ได้สั่งซื้อเครื่องรับโทรทัศน์สีและเครื่องเล่นวีดีโอเกม พร้อมอุปกรณ์จากผู้ร้องที่ 1 ผู้ร้องที่ 1 ได้ไปซื้อของดังกล่าวที่กรุงเทพมหานครแล้วนำมาให้ผู้ร้องที่ 2 เช่าซื้อ ต่อมาวันที่ 6 ตุลาคม 2530ผู้ร้องที่ 2 ได้ทำสัญญาเช่าซื้อโทรทัศน์สี 5 เครื่อง เครื่องเล่นวีดีโอเกม 5 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์จากผู้ร้องที่ 1 ราคา 45,800 บาทได้ชำระค่าเช่าซื้อในวันทำสัญญา 10,000 บาท ส่วนราคาที่เหลือผ่อนชำระเป็นรายเดือน เดือนละ 3,480 บาท รวม 10 งวด ต่อมาวันที่ 13 พฤศจิกายน 2530 ผู้ร้องที่ 2 มาแจ้งให้ผู้ร้องที่ 1ทราบว่า จำเลยได้นำเครื่องรับโทรทัศน์สีและเครื่องเล่นวิดีโอเกมไปให้เด็กเช่าเล่นแล้วถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับและยึดโทรทัศน์สีพร้อมเครื่องเล่นวีดีโอเกมและอุปกรณ์ ผู้ร้องที่ 1 ได้ติดต่อขอคืนแล้ว แต่เจ้าพนักงานตำรวจไม่ยอมคืนให้นั้น เห็นว่า ผู้ร้องที่ 1เบิกความว่า เคยเห็นเจ้าของเครื่องวีดีโอเกมบางรายนำวีดีโอเกมออกมาให้เด็กเช่าเล่นโดยเก็บเงิน และเคยเห็นที่ร้านศรีกมลซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับร้านของผู้ร้องที่ 1 โดยร้านดังกล่าวนำเครื่องเล่นวีดีโอเกมมาตั้งหน้าร้านให้เด็กเช่าเล่นหลายเครื่อง นอกจากนี้ยังทราบว่าที่บริเวณโรงภาพยนตร์ศรีสมุทร มีผู้นำเครื่องเล่นวีดีโอเกมมาให้เด็กเช่าเล่น ผู้ร้องที่ 2 ตั้งใจจะซื้อเครื่องเล่นวีดีโอเกมมาให้ผู้อื่นเช่าหากำไรแต่ไม่มีเงินสด จึงได้ตกลงเช่าซื้อโทรทัศน์สีและเครื่องเล่นวีดีโอเกมจากผู้ร้องที่ 1 โดยให้นายไกรศรีเป็นผู้ค้ำประกัน ดังนี้เห็นได้ว่า การที่ผู้ร้องที่ 1 ซื้อเครื่องรับโทรทัศน์สีและเครื่องเล่นวีดีโอเกม พร้อมอุปกรณ์มาให้ผู้ร้องที่ 2เช่าซื้อจำนวน 5 เครื่อง โดยรู้อยู่แล้วผู้ร้องที่ 2 จะนำไปให้ผู้อื่นเช่าเล่น ผู้ร้องที่ 1 เคยขายเครื่องเล่นวีดีโอเกมให้ผู้อื่นบางรายซื้อไปให้ลูกหลานเล่น บางรายซื้อไปขายต่อคราวละ 2-3 เครื่องซึ่งผิดกับรายของผู้ร้องที่ 2 ตามพฤติการณ์เห็นได้ว่าผู้ร้องที่ 1รู้หรือควรจะรู้ว่าผู้ร้องที่ 2 เช่าซื้อเครื่องรับโทรทัศน์สีและเครื่องเล่นวีดีโอเกมเพื่อนำไปให้ผู้อื่นเช่าเล่น และยังได้ความจากจำเลยว่าได้เช่าเครื่องเล่นวีดีโอเกมจากผู้ร้องที่ 2 ถึง 5เครื่องนำมาตั้งให้เด็กเช่าเล่น อัตราค่าเช่า 10 นาทีต่อ 2 บาทเช่นนั้นแสดงว่าผู้ร้องที่ 1 รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดของจำเลยด้วย…”
พิพากษายืน.