คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 385/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องต่อศาลตามวิธีธรรมดา จำเลยขอถือเอาคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยในประเด็นข้อนี้เป็นส่วนหนึ่งของฎีกา จำเลยไม่แสดงเหตุผลประกอบอ้างอิงในการยื่นฎีกา ฎีกาจำเลยในปัญหาดังกล่าวเป็นฎีกาไม่แจ้งชัด ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์ต่อเรือยามฝั่งสำหรับใช้ในราชการตำรวจน้ำรวม ๔ ลำ โจทก์ส่งมอบให้จำเลยแล้ว ๒ ลำ ตามสัญญากำหนดให้โจทก์ลงมือต่อเรือลำที่ ๓ ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๑๕ และส่งมอบภายใน ๕๓๕ วัน นับแต่วันเซ็นสัญญา โจทก์ได้ลงมือต่อเรือตามกำหนด ต่อมาจำเลยแจ้งว่าทางการตำรวจน้ำยังไม่ได้สั่งต่อเรือยามฝั่งจากจำเลย ขอให้โจทก์ระงับการต่อเรือไว้ก่อน จำเลยผิดนัดไม่ยอมใช้เงินสองงวดแรกที่ถึงกำหนดแก่โจทก์ จึงขอให้บังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ในสัญญามีเงื่อนไขขึ้นอยู่กับการที่ทางราชการตำรวจน้ำจะสั่งต่อเรือกับจำเลย แต่ปรากฏว่าทางราชการตำรวจน้ำยังไม่ได้สั่งต่อเรือ เงื่อนไขที่ตกลงกันไว้จึงไม่สำเร็จ สัญญาไม่มีผลใช้บังคับ จำเลยไม่ต้องรับผิด ทั้งตามสัญญาห้ามมิให้คู่กรณีนำคดีขึ้นสู่ศาลยุติธรรมตามวิธีการธรรมดา แต่ให้คู่กรณีนำข้อพิพาทมอบให้อนุญาโตตุลาการแห่งประเทศเยอรมันเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด สิทธิฟ้องร้องของโจทก์ยังไม่เกิดขึ้น
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยต่อศาลยุติธรรม จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา พิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า สัญญาสั่งต่อเรือไม่มีเงื่อนไขบังคับก่อน จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องต่อศาลตามวิธีธรรมดา จำเลยขอถือเอาคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยในประเด็นข้อนี้เป็นส่วนของฟ้องฎีกานั้น จำเลยไม่แสดงเหตุผลประกอบอ้างอิงในการยื่นฎีกา ฎีกาจำเลยในปัญหาดังกล่าวเป็นฎีกาไม่ชัดแจ้ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน

Share