แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องต่อศาลตามวิธีธรรมดา จำเลยขอถือเอาคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยในประเด็นข้อนี้เป็นส่วนหนึ่งของฎีกา จำเลยไม่แสดงเหตุผลประกอบอ้างอิงในการยื่นฎีกา ฎีกาจำเลยในปัญหาดังกล่าวเป็นฎีกาไม่แจ้งชัด ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า  จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์ต่อเรือยามฝั่งสำหรับใช้ในราชการตำรวจน้ำรวม ๔ ลำ  โจทก์ส่งมอบให้จำเลยแล้ว ๒ ลำ  ตามสัญญากำหนดให้โจทก์ลงมือต่อเรือลำที่ ๓ ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๑๕  และส่งมอบภายใน ๕๓๕ วัน นับแต่วันเซ็นสัญญา  โจทก์ได้ลงมือต่อเรือตามกำหนด  ต่อมาจำเลยแจ้งว่าทางการตำรวจน้ำยังไม่ได้สั่งต่อเรือยามฝั่งจากจำเลย  ขอให้โจทก์ระงับการต่อเรือไว้ก่อน   จำเลยผิดนัดไม่ยอมใช้เงินสองงวดแรกที่ถึงกำหนดแก่โจทก์  จึงขอให้บังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า  ในสัญญามีเงื่อนไขขึ้นอยู่กับการที่ทางราชการตำรวจน้ำจะสั่งต่อเรือกับจำเลย  แต่ปรากฏว่าทางราชการตำรวจน้ำยังไม่ได้สั่งต่อเรือ  เงื่อนไขที่ตกลงกันไว้จึงไม่สำเร็จ  สัญญาไม่มีผลใช้บังคับ  จำเลยไม่ต้องรับผิด  ทั้งตามสัญญาห้ามมิให้คู่กรณีนำคดีขึ้นสู่ศาลยุติธรรมตามวิธีการธรรมดา  แต่ให้คู่กรณีนำข้อพิพาทมอบให้อนุญาโตตุลาการแห่งประเทศเยอรมันเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด  สิทธิฟ้องร้องของโจทก์ยังไม่เกิดขึ้น
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า  โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยต่อศาลยุติธรรม  จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา  พิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า สัญญาสั่งต่อเรือไม่มีเงื่อนไขบังคับก่อน  จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา  และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า  ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องต่อศาลตามวิธีธรรมดา  จำเลยขอถือเอาคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยในประเด็นข้อนี้เป็นส่วนของฟ้องฎีกานั้น  จำเลยไม่แสดงเหตุผลประกอบอ้างอิงในการยื่นฎีกา  ฎีกาจำเลยในปัญหาดังกล่าวเป็นฎีกาไม่ชัดแจ้ง  ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน

