คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ลายพิมพ์นิ้วมือผู้กู้มีพยานลงลายมือชื่อรับรองคนเดียวโจทก์ลงชื่อในสัญญากู้ในช่องผู้ให้กู้ไม่ได้เป็นพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือผู้กู้ไม่ชอบด้วย มาตรา 9 วรรค 3 ฟ้องบังคับคดีแก่ผู้กู้ไม่ได้ เป็นเหตุลักษณะคดีแม้โจทก์ฎีกาฝ่ายเดียว ศาลก็พิพากษายกฎีกาโจทก์และยกฟ้องผู้ค้ำประกันด้วย

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้กู้ จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำเลยที่ 2 ผู้เดียวรับผิด โจทก์ฝ่ายเดียวฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงปรากฏตามเอกสารสัญญากู้ซึ่งโจทก์ส่งอ้างว่าโจทก์ลงลายมือชื่อในช่องเจ้าของเงิน (ผู้ให้กู้) ตามปกติของสัญญาแต่แห่งเดียว จำเลยที่ 1 พิมพ์ลายนิ้วมือในช่องผู้กู้ ส่วนในช่องพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยที่ 1 คงมีจำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันลงลายมือชื่อในฐานะพยานและผู้เขียนสัญญาคนเดียว ที่โจทก์ฎีกาว่าโจทก์ผู้ให้กู้ลงลายมือชื่อไว้เท่ากับเป็นพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 ด้วยแล้ว สัญญากู้ตามฟ้องจึงสมบูรณ์ โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 9 วรรคสาม บัญญัติไว้ชัดว่า พยานที่จะรับรองลายพิมพ์นิ้วมือต้องมี 2 คน แต่เรื่องนี้คงมีพยานรับรองเพียงคนเดียว ส่วนโจทก์ลงลายมือชื่อแต่ในช่องผู้ให้กู้ ไม่ได้ลงในช่องพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ ดังนั้นสัญญากู้รายนี้จะถือเสมอเท่ากับว่าจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อในสัญญาไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 9 วรรคสาม โจทก์จะฟ้องร้องให้บังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 หาได้ไม่ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น ส่วนคดีสำหรับจำเลยที่ 2 เห็นว่าเรื่องนี้เกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ จำเลยที่ 2 จึงได้รับผลตามคำพิพากษาด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1) ประกอบกับมาตรา 247 ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยถึงได้

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่าให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ด้วยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาเห็นสมควรให้เป็นพับ”

Share