แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยอย่าให้เกี่ยวข้องในที่ดิน(ของโจทก์) แลตั้งทุนทรัพย์มา 150 บาท แลเสียค่าขึ้นศาล 20 บาทเช่นคดีประเภทมไม่มีทุนทรัพย์ก็ดี ก็ยังคงถือว่าเป็นคดีที่มีทุนทรัพย์เพียง 150 บาท คู่ความอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ด้ (เทียบฎีกาที่ 356/2476)
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยอย่าให้ เข้าเกี่ยวข้องในที่ดินของโจทก์ แลตั้งทุนทรัพย์ ๑๕๐ บาท จำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ
ศาลเดิมฟังว่าที่พิพาทเป็นที่มฤดกโจทก์ปกครองฝ่ายเดียวมาช้านาน ส่วนจำเลยมิได้เข้ามาเกี่ยวข้องในที่นี้ตั้ง ๑๐ ปีเศษแล้ว จึงห้ามจำเลยมิให้เข้าเกี่ยวข้องในที่พิพาท
จำเลยอุทธรณ์ข้อเท็จจริงศาลเดิมสั่งว่าคดีนี้ เป็นคดีฟ้องขอเรียกที่ดินซึ่งเป็นคดีชนิดไม่มีทุนทรัพย์แลศาลเรียกค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ฉะนั้นจำเลยอุทธรณ์ได้
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีนี้เป็นคดีมฤดกโจทก์จำเลยต่างแบ่งเป็นเจ้าของที่ดินกันแลโจทก์ตีราคาที่มา ๑๕๐ บาท ราคา ๑๕๐ บาท นี่แหละเป็นทุนทรัพย์ของคดีจะเรียกว่าคดีไม่มีทุนทรัพย์ไม่ได้ ฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยจึงต้องห้ามตาม ม.๓ ข้อ ๒ แห่ง พ.ร.บ. ลักษณอุทธรณ์ พ.ศ.๒๔๗๓
จำเลยฎีกาว่าคดีนี้ศาลเรียกค่าขึ้นศาล ๒๐ บาท ซึ่งเท่ากับทุนทรัพย์ ๕๐๐ บาทจำเลยย่อมอุทธรณ์ได้
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีโจทก์ตั้งทุนทรัพย์ ๑๕๐ บาท แม้ศาลเรียกค่าขึ้นศาล ๒๐ บาทก็ดี จำเลยก็อุธรณ์ข้อเท็จจริงไม่ได้ตามฎีกาที่ ๓๕๖/๒๔๗๖ จึงตัดสินยืน