คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 124/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา โจทก์ก็ยังมีหน้าที่นำพยานหลักฐานมาสืบให้ฟังได้ตามฟ้องของตน
เมื่อทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้ครอบครองหรือควบคุมดูแลรถยนต์คันเกิดเหตุในขณะเกิดเหตุ คดีคงได้ความเพียงว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับรถยนต์ดังกล่าวชนเสาหินกันโค้งและรางระบายน้ำคอนกรีตของโจทก์เสียหาย โดยรถยนต์เป็นของจำเลยที่ 2 ซึ่งได้เช่าซื้อมา ดังนี้ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 ได้กระทำด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลเป็นเจ้าของเสาหลักกันโค้งและรางระบายน้ำคอนกรีตริมทาง บริเวณทางหลวงกิโลเมตรที่ ๑๐๖x๙๐๐ ทางหลวงหมายเลข ๑๐๓๕ ตอนวังเหนือแม่ขะจาน เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๒๗ จำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์บรรทุกซึ่งจำเลยที่ ๒เช่าซื้อมาจากบริษัทโค้วยู่ฮะมอเตอร์ จำกัด บรรทุกขิงแล่นไปด้วยความเร็วสูงชนเสาหลักกันโค้ง ๓ ต้น และรางระบายน้ำคอนกรีตยาว ๓๓ เมตร ซึ่งอยู่ที่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ ๑๐๖x๙๐๐ ของโจทก์เสียหายใช้การไม่ได้ คิดค่าเสาหลักกันโค้งเป็นเงิน ๗๕๐ บาท และค่ารางระบายน้ำเป็นเงิน ๙,๙๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๑๐,๖๕๐ บาทจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวซึ่งเป็นยานพาหนะอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล จึงต้องร่วมกันกับจำเลยที่ ๑ รับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันทำละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงิน๑๒,๓๕๘.๔๓ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย สำหรับจำเลยที่ ๒ ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมีปัญหาเฉพาะข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ว่า ตามคำฟ้องและทางพิจารณาถือได้หรือไม่ว่าจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ครอบครองรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน๘๔-๐๗๐๗ กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ผู้กระทำละเมิด เห็นว่า แม้ปรากฏตามคำบรรยายฟ้องใจความว่าจำเลยที่ ๒ เป็นผู้เช่าซื้อและครอบครองรถยนต์คันดังกล่าว และจำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ไม่ได้ต่อสู้ว่าจำเลยที่ ๒ ไม่ใช่ผู้ครอบครองรถยนต์คันที่จำเลยที่ ๑ ขับก็ตามแต่โจทก์ก็ยังมีหน้าที่จะต้องนำพยานหลักฐานมาสืบให้ศาลเห็นว่าข้ออ้างตามฟ้องของโจทก์มีมูลและไม่ขัดต่อกฎหมาย ในคดีนี้คงได้ความตามทางพิจารณาว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ขับรถยนต์บรรทุกคันที่เกิดเหตุชนหลักเสาหินกันโค้งและรางระบายน้ำคอนกรีตของโจทก์เสียหายและรถยนต์บรรทุกดังกล่าวเป็นของจำเลยที่ ๒เช่าซื้อมาจากบริษัทโค้วยู่ฮะมอเตอร์ จำกัด ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๗๒ จำเลยที่ ๒ คงมีสิทธิที่จะครอบครองใช้ประโยชน์รถยนต์คันดังกล่าวระหว่างเช่าซื้อเท่านั้นเมื่อไม่ปรากฏตามทางพิจารณาว่าจำเลยที่ ๒ ครอบครองหรือควบคุมดูแลรถยนต์ในขณะเกิดเหตุตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๔๓๗ จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดของจำเลยที่ ๑ ด้วย
พิพากษายืน.

Share