แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดิน ส.ค.1 ป. เจ้าของที่ดินได้ขอออกโฉนดระหว่างเดินสำรวจเพื่อออกโฉนด ป. ได้ยกที่ดินพิพาทให้ ย. เมื่อ ป. ตาย เจ้าพนักงานที่ดินจึงออกโฉนดแล้วส่งมอบให้ ค. ลูกของ ป. แต่ ย. ไม่ทราบถึงการดำเนินการขอออกโฉนด จึงนำ ส.ค.1 ไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ซ้ำซ้อนขึ้นอีก ผู้ร้องซื้อที่ดินพิพาทจากย. โดยทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วเข้าครอบครองที่พิพาทตลอดมาโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาจาก ย. ผู้โอนเป็นเวลาเกินกว่าสิบปีผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 3324 และ3325 ตำบลป่าซาง อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องและให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดลำพูน สาขาป่าซาง ออกใบแทนโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงให้แก่ผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วพิพากษาให้ยกคำร้องขอ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า ผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทั้งสองแปลง มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาผู้ร้องว่า ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 หรือไม่ เห็นว่า ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงเป็นที่ดินมีโฉนดในระหว่างเดินสำรวจเพื่อออกโฉนดตั้งแต่ปี 2512 ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการออกโฉนดของเจ้าพนักงานที่ดิน ต่อมาในปี 2515 นายปันได้ยกที่ดินให้แก่นางยวงแก้ว เค้ามูลซึ่งเป็นหลานเมื่อนายปันถึงแก่กรรม นางยวงแก้วไม่ทราบถึงการดำเนินการขอออกโฉนดในที่ดินพิพาทตาม ส.ค.1 ที่ได้รับยกให้จึงนำ ส.ค.1 ไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ซ้ำซ้อนขึ้นอีก ครั้นเมื่อเจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการออกโฉนดแล้วแต่นายปันถึงแก่กรรมจึงมอบให้แก่นางคำปัน อังกสิทธิ์ผู้เป็นบุตร หลังจากนางคำปันถึงแก่กรรมโฉนดที่ดินพิพาทสูญหายไปส่วนนางยวงแก้วได้ครอบครองทำนาในที่ดินพิพาทตั้งแต่ปี 2515 เป็นต้นมาและด้วยความสำคัญผิดไม่ทราบว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมีโฉนดถูกต้องแล้วจึงได้ไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ขึ้นใหม่อาจเป็นเพราะความไม่รอบคอบหรือด้วยความประมาทเลินเล่อของทางสำนักงานที่ดินท้องที่จึงได้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ให้เมื่อปี2517 อีก ต่อมาเมื่อปี 2534 นางยวงแก้วได้ขายที่ดิน น.ส.3 ก. ดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องโดยได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จากพยานหลักฐานที่ผู้ร้องนำสืบมาตามพฤติการณ์แห่งคดีเห็นได้ว่าผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินพิพาทที่ได้รับโอนมาจากนางยวงแก้วซึ่งเป็นที่ดินมีโฉนดแล้ว แต่ด้วยความสำคัญผิดของนางยวงแก้วและความไม่รอบคอบหรือด้วยความประมาทเลินเล่อของเจ้าพนักงานที่ดินไม่ตรวจตราให้รอบคอบเสียก่อนดังกล่าวแล้วข้างต้น จึงมีการออก น.ส.3 ก. ทับโฉนดเกิดขึ้นเป็นคดีนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความเที่ยงธรรมจึงเห็นได้ว่า ผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินพิพาทไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของครอบครองติดต่อกันมาจากนางยวงแก้วผู้โอนเป็นเวลาเกินกว่าสิบปีผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
อนึ่ง ที่ผู้ร้องมีคำขอให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดลำพูน สาขาป่าซางออกใบแทนโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงให้แก่ผู้ร้องด้วยนั้นเป็นคำขอบังคับแก่บุคคลภายนอก ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีนี้ด้วย ศาลไม่อาจบังคับให้ได้”
พิพากษากลับว่า ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 3324และ 3325 ตำบลป่าซาง อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน โดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 คำขออื่นให้ยก