คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3836/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) หาใช่เป็นหลักฐานที่แสดงว่าผู้มีชื่อในหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นเสมอไปดังเช่นโฉนดที่ดินไม่
โจทก์นำยึดที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ซึ่งมีชื่อจำเลย ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของผู้ร้องจำเลยเป็นเพียงผู้เช่าอาศัยทำกินเท่านั้น รูปคดีจำต้องสืบพยานฟังข้อเท็จจริงให้สิ้นกระแสความก่อน ศาลจะวินิจฉัยคดีโดยอาศัยเหตุที่ว่าจำเลยมีชื่อในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ จึงถือว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองโดยมิได้ทำการสืบพยานเสียก่อนนั้นเป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากจำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินนา 1 แปลงตาม น.ส.3 ก เลขที่ 1418 เพื่อขายทอดตลาดผู้ร้องยื่นคำร้องว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องได้ครอบครองทำประโยชน์และก่นสร้างมานานหลายสิบปีแล้ว จำเลยเป็นเพียงผู้เช่าอาศัยทำกินเท่านั้น ขอให้ไต่สวนและสั่งปล่อยทรัพย์ที่ยึด

โจทก์ให้การว่าที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นของจำเลย จำเลยได้นำที่ดินนี้มาจำนองโจทก์ ขอให้ยกคำร้อง

วันนัดพร้อมโจทก์แถลงว่า ที่ดินที่โจทก์นำยึดมี น.ส.3 ซึ่งมีชื่อจำเลย จำเลยนำที่ดินนี้มาจำนองไว้แก่โจทก์ ทนายผู้ร้องแถลงว่าผู้ร้องเป็นมารดาจำเลย

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่ผู้ร้องยอมให้จำเลยซึ่งเป็นบุตรมีชื่อใน น.ส.3 ครอบครองทำกินและนำที่ดินที่โจทก์นำยึดไปจำนองแก่โจทก์โดยมิได้มีการโต้แย้งคัดค้าน เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้จึงมาคัดค้านเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นเรื่องที่ผู้ร้องอ้างว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าของที่ดินที่โจทก์นำยึด ที่ดินดังกล่าวเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องให้จำเลยเช่าทำกินเป็นการร้องขัดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 ซึ่งให้อำนาจแก่เจ้าของทรัพย์ที่ถูกยึดที่จะขอให้ศาลปล่อยทรัพย์เช่นว่านั้นได้และคดีมีประเด็นว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของที่ดินที่โจทก์นำยึดหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) หาใช่เป็นหลักฐานแสดงว่าผู้มีชื่อในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นเสมอไปดังเช่นโฉนดที่ดินไม่ ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยมีชื่อใน น.ส.3 ถือว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองโดยมิได้ทำการสืบพยานเสียก่อนจึงเป็นการไม่ชอบ ส่วนที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าผู้ร้องใช้สิทธิโดยไม่สุจริตนั้นก็เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นเพราะคดีมิได้มีประเด็นเช่นนั้น รูปคดีจำต้องสืบพยานฟังข้อเท็จจริง ให้สิ้นกระแสความก่อน จะวินิจฉัยคดีไปในชั้นนี้ยังไม่ชอบ

พิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วสั่งไปตามรูปคดี

Share