แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้รอการลงโทษจำคุกไว้ ขอให้ศาลนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้มาบวกกับโทษในดคีที่โจทก์ฟ้องด้วย ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงต่างหากจากข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายว่าจำเลยกระทำผิดในคดีที่โจทก์ฟ้องและเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ปรากฏ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพเพียงว่าได้กระทำความผิดจริงตามฟ้องเท่านั้น มิได้ให้การรับด้วยว่าจำเลยเป็นคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาที่โจทก์อ้างมาในฟ้องและโจทก์ก็ไม่ได้นำสืบพยานให้ปรากฏ แม้รายการประวัติอาชญากรที่พนักงานคุมประพฤติส่งต่อศาลชั้นต้นพร้อมกับรายงานการสืบเสาะจะระบุรายการตรงกับที่โจทก์บรรยายไว้ในฟ้อง ซึ่งคู่ความทั้งสองฝ่ายแถลงไม่ติดใจคัดค้านกรณียังไม่อาจรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยเคยต้องคำพิพากษาในคดีก่อนตามรายการประวัติอาชญากร จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาที่โจทก์อ้างมาในฟ้อง จะนำโทษในคดีดังกล่าวมาบวกกับโทษในคดีที่โจทก์ฟ้องไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก ๒ คดีมีกำหนดคดีละ ๑๕ วัน ปรับคดีละ ๕๐๐ บาท โทษจำคุกรอการลงโทษมีกำหนดคดีละ ๑ ปี ฐานเสพกัญชาทั้งสองคดีตามคดีหมายเลขแดงที่ ๒๔๘๒/๒๕๓๐ และ ๒๗๙๖/๒๕๓๐ ของศาลแขวงพระนครใต้ และภายในกำหนดเวลาที่ศาลรอการลงโทษจำคุกไว้ดังกล่าว จำเลยมากระทำผิดในคดีนี้อีก ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ฯ และบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้เข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้ด้วย กับให้ริบขอกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดจริงตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก ๑ ปี ของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้บวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในดคีนี้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาในชั้นนี้ตามฎีกาของโจทก์เพียงข้อเดียวว่าที่ศาลล่างทั้งสองไม่นำโทษจำคุกของจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ ๒๔๘๒/๒๕๓๐ และ ๒๗๙๖/๒๕๓๐ ของศาลแขวงพระนครใต้ ซึ่งให้จำคุกจำเลยคดีละ ๑๕ วัน และรอการลงโทษไว้แต่ละคดีภายในกำหนด ๑ ปี มาบวกเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้นั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ พิเคราะห์แล้วปรากกฎตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์คดีนี้ว่า จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลแขวงพระนครใต้ คดีหมายเลขแดงที่ ๒๔๘๒/๒๕๓๐ และ ๒๗๙๖/๒๕๓๐ ให้ลงโทษจำคุกคดีละ ๑๕ วัน ปรับคดีละ ๕๐๐ โทษจำคุกรอการลงโทษมีกำหนดคดีละ ๑ ปี จำเลยมากระทำผิดคดีนี้อีก ขอให้นำโทษจำคุกของจำเลยทั้งสองคดีดังกล่าวมาบวกกับโทษจำเลยในคดีนี้ด้วย เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยคดีนี้เป็นจำเลยคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๒๔๘๒/๒๕๓๐ และ ๒๗๙๖/๒๕๓๐ ของศาลแขวงพระนครใต้ และศาลดังกล่าวได้พิพากษาลงโทษและรอการลงโทษจำเลยไว้แต่ละคดีมีกำหนดเวลา ๑ ปีนั้น เป็นข้อเท็จจริงต่างหากจากข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายว่าจำเลยกระทำผิดในคดีนี้ และเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ปรากฏ คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพเพียงว่าได้กระทำความผิดจริงตามฟ้องเท่านั้น จำเลยมิได้ให้การรับด้วยว่าจำเลยเป็นคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาที่โจทก์อ้างมาในฟ้อง โจทก์ก็ไม่ได้นำสืบพยานให้ปรากฏเช่นนั้น ส่วนข้อที่โจทก์ฎีกาว่าข้อเท็จจริงในสำนวนฟังได้ว่าจำเลยเคยต้องคำพิพากษาในคดีที่โจทก์อ้างมาในฟ้องเพราะตามรายการประวัติอาชญากรที่พนักงานคุมประพฤติส่งต่อศาลชั้นต้นพร้อมกับรายงานการสืบเสาะของพนักงานคุมประพฤติระบุไว้ในรายการที่ ๙ และ ๑๐ ตรงกับที่โจทก์บรรยายไว้ในฟ้อง นั้น ก็ปรากฏในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นเพียงว่า คู่ความทั้งสองฝ่ายไม่ติดใจคัดค้านรายงานสืบเสาะของพนักงานคุมประพฤติเท่านั้น กรณียังไม่อาจรับฟังเป็นยุติว่าจำเลยเคยต้องคำพิพากษาในดคีก่อนตามรายการประวัติอาชญากรดังกล่าวได้ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยนี้เป็นคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๒๔๘๒/๒๕๓๐ และ ๒๗๙๖/๒๕๓๐ ของศาลแขวงพระนครใต้
พิพากษายืน