คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3829/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่ศาลสั่งรับคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่และนัดไต่สวนคำร้องนั้น ไม่มีกฎหมายบังคับให้ถือว่าได้มีการบรรยายข้อเท็จจริงครบถ้วนตามมาตรา 208 แล้ว หากต่อมาศาลตรวจพบในภายหลังว่าการบรรยายข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วน ศาลก็มีอำนาจสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่นั้นได้ ส่วนการนัดไต่สวนก็ไม่มีกฎหมายบังคับไว้เช่นกันว่าจะต้องกำหนดนัดเมื่อใด จึงเป็นดุลพินิจ ของศาลที่จะกำหนดวันตามความเหมาะสม.

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาและพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่
ศาลชั้นต้นยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า การที่ศาลสั่งรับคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ฉบับลงวันที่ 6 กันยายน 2527 แล้วนั้นย่อมถือได้ว่า เป็นการสั่งรับโดยเห็นว่าได้มีการบรรยายข้อเท็จจริงครบถ้วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 208 แล้ว เมื่อศาลนัดไต่สวนคำร้อง ก็ชอบที่จะนัดภายในกำหนดเวลาที่จำเลยจะมีโอกาสยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ครั้งที่สองได้หากศาลสั่งยกคำร้องขอฉบับแรก การที่ศาลสั่งนัดไต่สวนเนิ่นช้าแล้วภายหลังต่อมากลับมีคำสั่งยกคร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ทำให้จำเลยหมดโอกาสยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ฉบับที่สอง ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน2527 จึงเป็นการทำให้จำเลยเสียสิทธิ คำสั่งดังกล่าวจึงไม่ชอบนั้น เห็นว่าการที่ศาลสั่งรับคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ และนัดไต่สวนคำร้องนั้น ไม่มีกฎหมายบังคับให้ถือว่าได้มีการบรรยายข้อเท็จจริงครบถ้วนตามมาตรา 208 แล้ว หากต่อมาศาลตรวจพบในภายหลังว่าการบรรยายข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วน ศาลก็มีสิทธิสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ได้ ส่วนการนัดไต่สวนก็ไม่มีกฎหมายบังคับไว้เช่นกันว่าจะต้องกำหนดนัดเมื่อใด เป็นดุลพินิจของศาลที่จะกำหนดวันตามความเหมาะสม ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำร้องให้พิจารณาคดีใหม่ทั้งสองฉบับจึงชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share