คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2982/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ได้ประกันภัยรถยนต์ไว้กับจำเลย ต่อมารถยนต์คันที่เอาประกันภัยเกิดอุบัติเหตุถูกชนเสียหายมากชำรุดใช้การไม่ได้ ปัญหาที่ว่าจำเลยจะต้องชดใช้ค่าที่โจทก์ขาดประโยชน์ในการให้เช่ารถระหว่างรถเข้าอู่ซ่อมเพียงไรหรือไม่นั้น เมื่อปรากฏตามสำเนากรมธรรม์ท้ายฟ้องตรงกับคู่ฉบับกรมธรรม์ที่จำเลยอ้างระบุข้อยกเว้นความรับผิดของจำเลยไว้ว่าไม่ต้องผูกพันรับผิดต่อสิทธิเรียกร้องใดๆอันเกี่ยวกับการขาดประโยชน์ ผลจึงเท่ากับโจทก์ผู้เอาประกันภัยยอมรับตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ สละสิทธิเรียกร้องในเหตุดังกล่าวแล้วโจทก์จึงไม่อาจเรียกร้องให้จำเลยรับผิดในค่าขาดประโยชน์ในการให้เช่ารถของโจทก์ได้ และปัญหาข้อนี้ไม่จำต้องวินิจฉัยจากการสืบพยานจำเลยเพราะอาจวินิจฉัยได้ตามความในเอกสารกรมธรรม์อยู่แล้ว
ตามกรมธรรม์ระบุไว้ว่า ในกรณียานยนต์เสียหาย จำเลยผูกพันรับผิดเพียงที่จะต้องซ่อมให้ ณ โรงซ่อมที่จำเลยเห็นสมควรจนอยู่ในสภาพใช้การได้ จำเลยได้จัดสรรอู่ซ่อมรถให้โจทก์แล้วตามใบสั่งซ่อมมีหมายเหตุว่า ใบสั่งซ่อมนี้กำหนดใช้ภายใน 60 วันนับแต่วันสั่งซ่อม จำเลยจึงมีหน้าที่เร่งรัดให้ซ่อมรถโจทก์ให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 60 วันตามที่หมายเหตุไว้ เมื่อจำเลยเพิกเฉยเสียปล่อยให้อู่ทำการซ่อมชักช้า และไม่จัดการเลิกจ้างแล้วเปลี่ยนอู่ซ่อมให้ใหม่ทำให้โจทก์ต้องเสียประโยชน์ต้องถือว่าจำเลยประพฤติผิดสัญญาแล้ว ชอบที่โจทก์จะนำรถไปให้อู่แห่งอื่นซ่อมแล้วเรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าซ่อมให้เพราะเงื่อนไขดังกล่าวไม่เป็นการตัดสิทธิโจทก์ที่จะป้องกันสิทธิของตน แต่โจทก์จะเรียกร้องเอาค่าขาดประโยชน์หาได้ไม่เพราะเป็นสิทธิเรียกร้องที่ไม่อาจบังคับเอาแก่จำเลยได้ตามกรมธรรม์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์ยี่ห้อดัทสันได้เอาประกันภัยไว้กับจำเลย ต่อมารถของโจทก์คันที่เอาประกันภัยไว้เกิดอุบัติเหตุชนกับรถของผู้อื่นได้รับความเสียหายในระหว่างอายุสัญญาประกันภัย จำเลยมีหน้าที่ซ่อมแซมความเสียหายให้เสร็จภายในเวลาอันสมควร หากจะใช้เวลาซ่อมก็ไม่เกิน ๒ เดือน จำเลยรับรถไปจากโจทก์แล้ว หาได้ทำการซ่อมไม่ นับแต่วันเกิดเหตุจนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ๙ เดือนเศษ จำเลยยังซ่อมไม่เสร็จเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายต้องขาดประโยชน์อันควรได้จากการให้เช่ารถยนต์คันดังกล่าว ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน ๒๗,๐๐๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยได้จัดการมอบรถของโจทก์ให้อู่จัดการซ่อมแล้วการซ่อมเสร็จเร็วหรือช้าไม่ใช่ความผิดของจำเลยอย่างไรก็ตามจำเลยยังได้รับการยกเว้นความรับผิดตามกรมธรรม์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า บริษัทโจทก์ได้ประกันภัยรถยนต์ยี่ห้อดัทสันไว้กับบริษัทจำเลยเพื่อความวินาศภัย ต่อมารถยนต์คันที่เอาประกันภัยเกิดอุบัติเหตุถูกชนเสียหายมากอยู่ในสภาพที่ชำรุดใช้การไม่ได้ บริษัทจำเลยออกใบสั่งซ่อมรถของโจทก์ให้อู่ดินแดงจัดการซ่อม ใบสั่งซ่อมมีหมายเหตุตอนท้ายว่า “ใบสั่งซ่อมนี้กำหนดใช้ภายในหกสิบวันนับแต่วันสั่งซ่อม อู่ซ่อมต้องให้เจ้าของรถหรือผู้ขับเซ็นชื่อ (เพื่อรับรองว่าซ่อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว) มิฉะนั้น บริษัทจะไม่จ่ายเงินค่าซ่อม” ทางอู่ซ่อมรถเสร็จให้ทางบริษัทโจทก์เซ็นชื่อรับรองซึ่งเป็นเวลาหลังจากโจทก์ฟ้องคดีนี้แล้วเกือบ ๔ เดือน
ปัญหาว่า บริษัทจำเลยจะต้องชดใช้ค่าที่บริษัทโจทก์ขาดประโยชน์ในการให้เช่ารถระหว่างรถเข้าอู่ซ่อมเพียงไรหรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า บริษัทจำเลยต่อสู้ปฏิเสธความรับผิดไว้ในคำให้การว่าไม่จำต้องรับผิดตามข้อยกเว้นในกรมธรรม์ประกันภัยหมวดที่ ๓ ข้อ ๓ โดยอ้างอิงเงื่อนไขในกรมธรรม์เป็นสำคัญ ซึ่งระบุไว้ในหมวดที่ ๓ ว่าด้วยข้อยกเว้นความรับผิดของบริษัทจำเลยข้อ ๓ ว่า ไม่ต้องผูกพันรับผิดต่อสิทธิเรียกร้องใด ๆ อันเกี่ยวกับการขาดประโยชน์ ผลจึงเท่ากับบริษัทโจทก์ผู้เอาประกันภัยยอมรับตามเงื่อนไขในกรมธรรม์โดยสละสิทธิเรียกร้องในเหตุดังกล่าวไว้แล้วนั่นเอง จึงไม่อาจเรียกร้องให้บริษัทจำเลยรับผิดในค่าขาดประโยชน์ในการให้เช่ารถของบริษัทโจทก์อย่างไรได้ปัญหาข้อนี้ไม่จำต้องวินิจฉัยจากการสืบพยานจำเลยแต่อย่างใด เพราะอาจวินิจฉัยได้จากความในเอกสารกรมธรรม์อยู่แล้ว ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า บริษัทจำเลยจะปัดความรับผิดต่อโจทก์ไม่ได้เพราะบริษัทจำเลยมีหน้าที่ซ่อมรถของโจทก์ตามข้อผูกพัน กลับไม่เอาใจใส่ต่อการซ่อมรถทำให้เสียเวลาซ่อมเนิ่นนานถึงปีเศษได้ชื่อว่าทำผิดหน้าที่ผู้รับประกัน กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตามหมวดที่ ๓ ข้อ ๓แห่งกรมธรรม์ บริษัทจำเลยต้องรับผิดในการทำละเมิดต่อโจทก์ ศาลฎีกาเห็นว่าการซ่อมรถที่ได้รับความเสียหายจากวินาศภัยเป็นหน้าที่ของบริษัทจำเลยจะต้องดำเนินการบำบัด เพื่อให้รถกลับคืนสภาพเดิมนั้น เป็นผลจากข้อสัญญาตามกรมธรรม์ซึ่งไม่อาจปรับเป็นเรื่องทำละเมิดได้ เพราะไม่ได้มีมูลมาจากการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายทั้งการที่บริษัทจำเลยไม่จัดการซ่อมรถให้เสร็จไปในเวลาอันควร ก็เป็นการละเลยงดเว้นหน้าที่ตามข้อผูกพันต่างหาก ตามเงื่อนไขในหมวดที่ ๔ แห่งกรมธรรม์ข้อ ๑๖ ระบุว่า “ในกรณียานยนต์เสียหายและบริษัทต้องรับผิดชอบชดใช้ให้ตามความในกรมธรรม์ประกันภัย ฉบับนี้นั้นไม่ว่าความเสียหายจะมากน้อยเพียงใดก็ตาม บริษัทผูกพันรับผิดเพียงที่จะต้องซ่อมให้ ณ โรงซ่อมที่บริษัทเห็นสมควรจนอยู่ในสภาพใช้การได้เท่านั้น” ถึงแม้บริษัทจำเลยจะได้จัดสรรอู่ซ่อมรถให้บริษัทโจทก์แล้วก็ตามบริษัทจำเลยก็มีหน้าที่เร่งรัดทางอู่ให้ซ่อมรถให้เสร็จเรียบร้อยภายใน ๖๐ วันตามหมายเหตุในใบสั่งซ่อม เท่าที่บริษัทจำเลยเพิกเฉยเสีย ปล่อยให้อู่ทำการที่ว่าจ้างชักช้า โดยไม่จัดการเลิกจ้างแล้วเปลี่ยนอู่ซ่อมรถให้ใหม่อันเป็นผลให้บริษัทโจทก์ต้องเสียประโยชน์ ต้องถือว่าบริษัทจำเลยเป็นฝ่ายประพฤติผิดสัญญาแล้ว ชอบที่บริษัทโจทก์จะเอารถไปให้อู่แห่งอื่นซ่อมแล้วเรียกร้องให้บริษัทจำเลยใช้ค่าซ่อมต่อไปได้ มิใช่ว่าบริษัทโจทก์จะหมดหนทางแก้ไขเสียทีเดียวเพราะเงื่อนไขดังกล่าวไม่เป็นการตัดสิทธิบริษัทโจทก์ในอันที่จะป้องกันสิทธิของตนแต่ประการใด ถึงอย่างไรค่าขาดประโยชน์ของบริษัทโจทก์ก็เป็นสิทธิเรียกร้องที่ไม่อาจบังคับเอาได้กับบริษัทจำเลย
พิพากษายืน

Share