คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3829/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ลงโทษปรับจำเลยเป็นเงิน 284,487 บาท 60 สตางค์ คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ ฯลฯ
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ มาตรา ๒๗ ทวิ พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๔๙๙ มาตรา ๔ ให้ปรับจำเลยทั้งสองสี่เท่าของราคาของซึ่งรวมค่าอากรเข้าด้วยกัน เป็นเงิน ๒๘๔,๔๘๗ บาท๖๐ สตางค์ หากไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนคนละ ๑ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙, ๓๐ ริบลิ้นจี่กระป๋องของกลาง คืนรถยนต์ของกลางแก่เจ้าของให้จ่ายเงินรางวัลแก่ผู้จับและจ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ลงโทษปรับจำเลยทั้งสองสี่เท่าราคาของซึ่งรวมค่าอากรเข้าด้วยแล้วเป็นเงิน ๒๘๔,๔๘๗ บาท ๖๐ สตางค์ คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท้จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่ากรณียังเป็นที่สงสัยว่าสินค้าของกลางจะเป็นของหนีภาษีจริงหรือไม่ก็ดี โจทก์ไม่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยทั้งสองรู้อยู่ว่าเป็นสินค้าหนีภาษีและจำเลยทั้งสองไม่รู้ว่าสินค้าของกลางเป็นสินค้าที่นำเข้ามาโดยหลีกเลี่ยงอากรก็ดี ล้วนแต่เป็นการฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงทั้งสิ้นจึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลยทั้งสอง

Share