แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เอาประกันชีวิตรู้อยู่ก่อนแล้วว่าตนป่วยเป็นโรคตับโตและดีซ่านกับทั้งยังเคยเข้ารับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แต่แถลงถ้อยคำในคำขอเอาประกันชีวิตและต่อนายแพทย์ผู้ตรวจสุขภาพก่อนทำสัญญาประกันชีวิตว่าไม่เคยเป็นหรือเคยถูกรักษาโรคตับ ลำไส้ ไตหรือกระเพาะปัสสาวะ และไม่เคยเจ็บไข้หรือบาดเจ็บนอกเหนือจากข้อซักถามเกี่ยวกับโรคในข้ออื่น ๆ เช่นนี้ เป็นการละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริงแห่งโรคที่ตนรู้ว่าเคยเป็นและเคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมาแล้วอันเป็นสาระสำคัญในการรับประกันชีวิต สัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะเมื่อจำเลยบอกล้างแล้วสัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆะ จำเลยไม่ต้องรับผิดใช้เงินแก่โจทก์.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงิน 100,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยตามสัญญาประกันชีวิตที่นายเยื้อนผู้ตายได้ทำไว้กับจำเลยโดยมีโจทก์ทั้งสามเป็นผู้รับประโยชน์
จำเลยให้การว่าสัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะ จำเลยบอกล้างแล้วจึงไม่ต้องรับผิด จำเลยได้คืนเงินเบี้ยประกันจำนวน 38,220บาทให้แก่โจทก์แล้วขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 61,780 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าก่อนเข้าทำสัญญาประกันชีวิต นายเยื้อนเคยไปตรวจรักษาโรคที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ ตามบัตรตรวจโรคระบุว่านายเยื้อนมีอาการปวดหลัง ปัสสาวะขุ่นเหลืองเข้ม ปวดศีรษะ ตัวร้อนรับประทานอาหารไม่ได้ นายแพทย์ธาดา นายแพทย์พิศิษฐ์ และนายแพทย์วิวัฒน์พยานจำเลยเบิกความตรงกันว่าตามรายงานการตรวจนี้นายเยื้อนป่วยเป็นโรคตับโตและโรคดีซ่านตัวเหลือง เป็นไข้ มีโหนกปูดออกมาข้างหลังใต้ลำคอและเป็นโรคท่อน้ำดีที่อยู่ในตับอักเสบ และตามบัตรตรวจโรคปรากฏว่าโรงพยาบาลหาดใหญ่รับตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2521 ซึ่งเป็นวันที่มารับการตรวจและอยู่รักษาตัวในวันที่ 18 มิถุนายน 2521 โจทก์เองก็รับว่านายเยื้อนป่วยอยู่บ้านวันหรือ 2 วัน แล้วก็ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ นอนพักอยู่ในโรงพยาบาลประมาณ 1 สัปดาห์โจทก์ไปนอนเฝ้าทุกคืน เห็นว่าการที่ต้องไปนอนเฝ้าเช่นนี้เชื่อได้ว่านายเยื้อนมีอาการป่วยหนักพอสมควร ตามพฤติการณ์เช่นนี้นายเยื้อนย่อมจะต้องรู้ว่า ตนป่วยเป็นโรคอะไรจึงต้องถึงกับเข้ารับการรักษาตัวหลายวันเช่นนั้นแต่ครั้นจะเอาประกันชีวิตไว้กับบริษัทจำเลย นายเยื้อนกลับตอบข้อซักถามของนายแพทย์วิวัฒน์ตามรายงานการตรวจสุขภาพเอกสารหมาย ล.3 ข้อ 7 ง. ว่า ไม่เคยเป็นหรือเคยถูกรักษาโรคตับ ลำใส้ไต หรือกระเพาะปัสสาวะ และตอบคำถามในข้อ 8 ฉ. ตามเอกสารดังกล่าวว่า ไม่เคยเจ็บไข้หรือบาดเจ็บ นอกเหนือจากข้อซักถามเกี่ยวกับโรคในข้ออื่นๆ ทั้งที่ตนเคยได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแล้ว ดังนี้ จึงเห็นได้ว่านายเยื้อนละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริงแห่งโรคที่ตนรู้ว่าเคยเป็นและเคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมาแล้วถือได้ว่าเป็นสาระสำคัญในการรับประกันชีวิตดังที่จำเลยต่อสู้ไว้ ดังนี้ สัญญาประกันชีวิตระหว่างนายเยื้อนกับจำเลยเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865วรรคแรก เมื่อบริษัทจำเลยบอกล้างแล้วตามเอกสารหมาย ล.5 สัญญานี้จึงตกเป็นโมฆะ บริษัทจำเลยไม่ต้องรับผิดใช้เงินแก่โจทก์
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ.