คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3819/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ภาษีเงินได้นิติบุคคลคดีนี้พิพาทกันก่อนวันที่ 1 มกราคม 2522ซึ่ง พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม ป.รัษฎากร (ฉบับที่ 5) มาตรา 15ใช้บังคับและบทบัญญัติใน ป.รัษฎากร มาตรา 65 ทวิ(4) เกี่ยวกับกรณีโอนทรัพย์สิน ซึ่งไม่มีค่าตอบแทนหรือมีค่าตอบแทนแต่ต่ำกว่าราคาตลาด ที่เจ้าพนักงานประเมินอาจประเมินราคาทรัพย์สินนั้นตามราคาตลาดในวันที่มีการโอนได้ ไม่สามารถปรับใช้กับกรณีการเช่าได้เมื่อโจทก์ลงรายการรับตามที่ได้รับค่าเช่ามาจริง เจ้าพนักงานประเมินจึงไม่มีอำนาจที่จะกำหนดค่าเช่าขึ้นใหม่ให้เป็นรายได้พึงประเมินได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลของจำเลยที่ 1 ตามหนังสือแจ้งการประเมินที่ 1037/2/03688-03689-03691-03693 ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2524 และเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 เลขที่ 22 ก.ข.ค.ง./2532/1ลงวันที่ 17 ตุลาคม 2531
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า การประเมินของเจ้าพนักงานของจำเลยที่ 1 เป็นการถูกต้องและชอบแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ 1037/2/03688-03689, 03691 และ 03693 ลงวันที่ 30มิถุนายน 2524 และเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์เลขที่ 22ก.ข.ค.ง./2532/1 ลงวันที่ 17 ตุลาคม 2531 เฉพาะรายได้เกี่ยวกับค่าเช่าอาคารตามฟ้อง โดยให้ถือรายรับตามที่โจทก์ให้เช่าจริงในใบเสร็จรับเงินมาคำนวณเป็นรายได้ ส่วนค่าใช้จ่ายที่จำเลยไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายนั้นให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบมานั้นได้ความต้องกันว่า โจทก์จำเลยมีปัญหาเกี่ยวกับรายได้จากค่าเช่าในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2516-2519 ซึ่งโจทก์ได้ลงรายได้จากค่าเช่าอาคารตามที่ได้รับจริง แต่เจ้าพนักงานประเมินเห็นว่า ค่าเช่าที่โจทก์เรียกเก็บจากบริษัทห้างเซ็นทรัลดีพาร์ทเมนท์สโตส์ จำกัด นั้น ต่ำเกินไปจึงประเมินค่าเช่าใหม่คิดตามค่ารายปีที่กรุงเทพมหานครกำหนดในการเรียกเก็บภาษีโรงเรือนโดยอาศัยอำนาจตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ทวิ(4) คดีมีปัญหาวินิจฉัยว่า การประเมินโดยกำหนดค่าเช่าขึ้นใหม่ของเจ้าพนักงานนั้นเป็นการประเมินที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ภาษีเงินได้นิติบุคคลที่พิพาทกันนั้น เป็นกรณีที่พิพาทกันก่อนวันที่ 1 มกราคม2522 ซึ่งพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 5)มาตรา 15 ใช้บังคับและบทบัญญัติในประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ทวิ(4)ที่ใช้บังคับอยู่ในระหว่างที่มีกรณีพิพาทนั้นบัญญัติว่า “ในกรณีโอนทรัพย์สินใด ๆ ซึ่งไม่มีค่าตอบแทนหรือมีค่าตอบแทนแต่ต่ำกว่าราคาตลาด เจ้าพนักงานประเมินอาจประเมินราคาทรัพย์สินนั้นตามราคาตลาดในวันที่มีการโอนได้” ในบทบัญญัติดังกล่าวไม่มีความให้แปลไม่ได้ว่า เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินค่าเช่าที่เห็นว่าต่ำไปโดยใช้ราคาตลาดได้ เพราะการเช่านั้นมิใช่การโอนทรัพย์สินอำนาจในการประเมินของเจ้าพนักงานนั้นจะมีได้ก็ตามบทกฎหมายที่ใช้บังคับสำหรับปีภาษีที่จะมีการแจ้งประเมิน และกรณีมิใช่เรื่องที่โจทก์ได้แสดงเงินได้ต่ำไป เพราะข้อเท็จจริงยุติว่า โจทก์ลงรายรับตามที่ได้รับค่าเช่ามาจริงมิใช่กรณีที่โจทก์ลงรายรับต่ำกว่าที่รับจริง เจ้าพนักงานประเมินจึงไม่มีอำนาจที่จะกำหนดค่าเช่าขึ้นใหม่ให้เป็นรายได้พึงประเมินได้ เพราะไม่มีบทกฎหมายที่จะให้เจ้าพนักงานกระทำได้ในขณะนั้น การประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ในส่วนนี้จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสี่ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share