แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
วันเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้และยึดได้เงินสดจำนวน 5,470 บาท ซึ่งปะปนอยู่กับเงินจำนวนอื่นที่สายลับนำไปล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลย จำเลยรับว่าเงินสดจำนวน 5,470 บาท ของกลาง จำเลยได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนก่อนที่เจ้าพนักงานตำรวจจะเข้าจับจำเลยดังนี้ เงินสดจำนวน 5,470 บาท ของกลาง เป็นทรัพย์สินซึ่งจำเลยได้มาโดยการกระทำความผิด เพราะการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ทั้งคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แม้ศาลจะไม่มีอำนาจสั่งริบเงินสดจำนวน 5,470 บาท ของกลาง ตามมาตรา 102 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษพ.ศ.2522 ได้ก็ตาม แต่การริบทรัพย์สินเป็นอำนาจทั่วไปของศาลที่จะริบทรัพย์สินตามที่ประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติไว้ เมื่อโจทก์มีคำขอให้ริบของกลางมาแล้วและของกลางดังกล่าวเป็นทรัพย์สินซึ่งจำเลยได้มาโดยได้กระทำความผิด แม้ฟ้องโจทก์จะมิได้อ้าง ป.อ.มาตรา 33 มาด้วย และเป็นเงินของกลางที่ไม่ได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนในคดีนี้โดยตรงก็ตาม ศาลก็มีอำนาจริบเงินสดจำนวน 5,470 บาท ของกลางได้ ตามมาตรา 33 (2) ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่ถูกต้องได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันกล่าวคือ จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ จำนวน๑๘๖ เม็ด น้ำหนักรวม ๑๖.๔๖ กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตและจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าว จำนวน ๑๐ เม็ด น้ำหนักรวม๐.๙๐ กรัม ให้แก่ผู้มีชื่อโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อฉบับละ ๕๐๐ บาท จำนวน ๑ ฉบับ ฉบับละ ๑๐๐ บาท จำนวน ๓ ฉบับเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๑๘๖ เม็ด และเงินสดจำนวน ๕,๔๗๐ บาท ซึ่งจำเลยรับว่าได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเป็นของกลาง ก่อนคดีนี้เมื่อวันที่ ๒๔เมษายน ๒๕๔๐ จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก ๖ เดือน และปรับ๕,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๒ ปี ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามคดีหมายเลขแดงที่ ๒๑๑๐/๒๕๔๐ ของศาลชั้นต้นขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕, ๖๖, ๖๗,๑๐๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ริบเมทแอมเฟตามีนและเงินสดจำนวน๕,๔๗๐ บาท ของกลาง และบวกโทษของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีดังกล่าวเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นจำเลยในคดีที่ศาลชั้นต้นรอการลงโทษไว้จริงตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง, ๖๖ วรรคหนึ่ง เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก ๘ ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก ๕ ปี รวมจำคุก ๑๓ ปีจำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๖ ปี ๖ เดือน บวกโทษจำคุกในคดีหมายเลขแดงที่ ๒๑๑๐/๒๕๔๐ ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้เป็นจำคุก ๖ ปี ๑๒ เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง ส่วนเงิน ๕,๔๗๐ บาทไม่ใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้มาโดยการกระทำความผิดในคดีนี้จึงไม่อาจริบได้ ให้ยกคำขอส่วนนี้
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ในชั้นนี้ว่า เงินสดของกลางจำนวน ๕,๔๗๐ บาท เป็นทรัพย์สินที่ศาลมีอำนาจสั่งริบได้หรือไม่ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓ บัญญัติว่า “ในการริบทรัพย์สิน นอกจากศาลจะมีอำนาจริบตามกฎหมายที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว ให้ศาลมีอำนาจสั่งริบทรัพย์สินดังต่อไปนี้อีกด้วย คือ…(๒) ทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้มาโดยได้กระทำความผิด”ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า วันเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้และยึดได้เงินสดจำนวน ๕,๔๗๐ บาท ซึ่งปะปนอยู่กับเงินจำนวน ๘๐๐ บาท ที่สายลับนำไปล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลย จำเลยรับว่าเงินสดจำนวน ๕,๔๗๐ บาท ของกลางจำเลยได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนก่อนที่เจ้าพนักงานตำรวจจะเข้าจับจำเลย ดังนี้ ฟังได้ว่าเงินสดจำนวน ๕,๔๗๐ บาท ของกลาง เป็นทรัพย์สินซึ่งจำเลยได้มาโดยการกระทำความผิด เพราะการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ทั้งคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แม้ศาลจะไม่มีอำนาจสั่งริบเงินสดจำนวน ๕,๔๗๐ บาท ของกลาง ตามมาตรา ๑๐๒ แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ตามที่โจทก์ขอ ซึ่งเป็นบทเฉพาะที่กำหนดให้ริบทรัพย์สินได้เฉพาะเครื่องมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะหรือวัตถุอื่นซึ่งบุคคลได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษก็ตาม แต่การริบทรัพย์สินเป็นอำนาจทั่วไปของศาลที่จะริบทรัพย์สินตามที่ประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติไว้ เมื่อโจทก์มีคำขอให้ริบของกลางมาแล้ว และของกลางดังกล่าวเป็นทรัพย์สินซึ่งจำเลยได้มาโดยได้กระทำความผิด แม้ฟ้องโจทก์จะมิได้อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓มาด้วย และเป็นเงินของกลางที่ไม่ได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนในคดีนี้โดยตรงก็ตาม ศาลก็มีอำนาจริบเงินสดจำนวน ๕,๔๗๐ บาท ของกลางได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓ (๒) ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่ถูกต้องได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบเงินสดจำนวน ๕,๔๗๐ บาท ของกลางด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.