คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3815/2537

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองมีเรื่องโกรธเคืองกันมาก่อน การที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ต่อวาผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ที่ห้องโถงของศาลในวันเกิดเหตุว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 กลั่นแกล้งหลายเรื่อง และจะเอาเรื่องผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เป็นการข่มขู่และยั่วยุให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เกิดอารมณ์ไม่พอใจ และการที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1ไปยืนที่ประตูห้องพิจารณา ในลักษณะยืนขวางประตู เห็นได้ว่าเป็นการท้าทายให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ไม่พอใจยิ่งขึ้น เมื่อผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เดินเข้าห้องพิจารณาไม่ว่าจะเดินชนผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 หรือเดินเฉียดชิดเพราะที่แคบ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1ก็ไม่ควรผลักผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 พฤติการณ์ที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1ต่อว่าข่มขู่จะเอาเรื่องผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ก็ดี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1ไปยืนขวางประตูห้องพิจารณาและผลักผู้ถูกกล่าวหาที่ 2เมื่อผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เดินเข้าห้องก็ดี ชี้ให้เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีส่วนก่อให้เกิดเหตุวิวาทขึ้นในศาล เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ผิดฐานละเมิดอำนาจศาล

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เป็นโจทก์ฟ้องผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 กับพวกเป็นคดีอาญาที่ศาลชั้นต้น ในวันนัดพิจารณาวันที่ 13 มกราคม 2535 เวลา 10.35 นาฬิกา เจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่า ศาลได้นัดพิจารณาคดีดังกล่าวที่ห้องพิจารณาที่ 7ทราบว่าคู่ความได้ทะเลาะวิวาทกันโดยมีการชกต่อยกัน
ศาลชั้นต้นสอบข้อเท็จจริงจากผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองแล้วผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองไม่ติดใจที่จะไต่สวนพยานอีก
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล อันเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(ที่ถูกมาตรา 31(1) ประกอบด้วยมาตรา 33) มีคำสั่งให้ลงโทษปรับคนละ 500 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทน แจ้งให้สภาทนายความทราบด้วย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษปรับผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เป็นเงิน 200 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1ผิดฐานละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ จากข้อเท็จจริงที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1แถลงดังกล่าว ฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองมีเรื่องโกรธเคืองอย่างรุนแรงกันมาก่อน การที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ต่อว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ที่ห้องโถงศาลในวันเกิดเหตุว่าถูกผู้ถูกกล่าวหาที่ 2กลั่นแกล้งหลายเรื่อง และจะเอาเรื่องผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เป็นการข่มขู่และยั่วยุให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เกิดอารมณ์ไม่พอใจ และการที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ไปยืนที่ประตูห้องพิจารณาที่ 7 ในลักษณะยืนขวางประตูเห็นได้ว่าเป็นการท้าทายให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ไม่พอใจยิ่งขึ้น เมื่อผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เดินเข้าห้องพิจารณาไม่ว่าจะเดินชนผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ตามที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 แถลงหรือเดินเฉียดชิดเพราะที่แคบตามที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 แถลงผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ก็ไม่ควรผลักผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 พฤติการณ์ที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ต่อว่าข่มขู่จะเอาเรื่องผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ก็ดีผู้กล่าวหาที่ 1 ไปยืนขวางประตูห้องพิจารณาและผลักผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เมื่อผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เดินเข้าห้องก็ดีชี้ให้เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีส่วนก่อให้เกิดเหตุวิวาทขึ้นในศาล เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ศาลอุทธรณ์ลงโทษผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เหมาะสมตามพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ฎีกาของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share