คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3815/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีชั้นร้องขอคืนของกลาง ผู้ร้องมีหน้าที่นำสืบว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของของกลางตามที่กล่าวอ้าง เมื่อพยานหลักฐานที่ผู้ร้องนำสืบมาแตกต่างขัดกันรับฟังไม่ได้ว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ของกลาง ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอคืนของกลาง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่สำนวนตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 และขอให้ริบของกลาง ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลยและริบของกลาง
ผู้ร้องทั้งสี่สำนวนยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของโต๊ะบิลเลียดจำนวน 4 ตัว พร้อมอุปกรณ์ของกลาง และไม่รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดดังกล่าว ขอให้คืนของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ทั้งสี่สำนวนยื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินของกลาง หากผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ผู้ร้องก็รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว มีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องทั้งสี่สำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องทั้งสี่สำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในชั้นนี้มีว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของโต๊ะบิลเลียดพร้อมอุปกรณ์ของกลางหรือไม่ผู้ร้องมีตัวผู้ร้อง นายเจริญ เรืองผึ้ง และนางกรองกาญจน์พรายศิริ มาเป็นพยานเบิกความประกอบกับสำเนาเอกสารหมาย ร.1ถึง ร.4 ว่า ผู้ร้องซื้อโต๊ะบิลเลียดพร้อมอุปกรณ์ของกลางมาจากบริษัทสเลท จำกัด และได้ให้นายเจริญ เรืองผึ้ง เช่าไป ในระหว่างสัญญาเช่าโต๊ะบิลเลียดพร้อมอุปกรณ์ของกลางถูกเจ้าพนักงานตำรวจยึดแต่ตามที่ผู้ร้องเบิกความว่า ผู้ร้องซื้อโต๊ะบิลเลียดพร้อมอุปกรณ์ของกลางมาเมื่อปี 2527 และได้ให้นายเจริญเช่าไปเมื่อปี 2529เป็นเวลา 4 ปี ก่อนที่จะถูกยึด ผู้ร้องไม่เคยไปดูสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนชุมชนวัดบางขัน ซึ่งมีนายเจริญเป็นผู้จัดการไม่ว่าก่อนหรือหลังให้เช่านั้นเห็นว่า ของกลางมีราคาถึง 540,000 บาทซึ่งถือได้ว่าเป็นทรัพย์ที่มีราคามาก ตามปกติผู้เป็นเจ้าของย่อมจะต้องระมัดระวังในการจัดการตามสมควร ที่ผู้ร้องว่าไม่เคยไปดูสถานที่ที่นายเจริญผู้เช่านาของกลางไปตั้งไว้เลยไม่ว่าก่อนหรือหลังทำสัญญาเช่าจึงเป็นเรื่องผิดปกติวิสัย นอกจากนี้ยังได้ความจากคำเบิกความของนายเจริญพยานผู้ร้องว่า นายเจริญเช่าโต๊ะบิลเลียดพร้อมอุปกรณ์ของกลางจากผู้ร้องเมื่อปี 2533เป็นปีแรก และผู้ร้องเป็นผู้นำโต๊ะบิลเลียดของกลางไปส่งให้แก่นายเจริญที่สมาคมดังกล่าว ผู้ร้องเคยไปที่สมาคมแต่ไม่บ่อยนักคำเบิกความของนายเจริญจึงแตกต่างขัดกันกับคำเบิกความของผู้ร้องในสาระสำคัญ ในชั้นสอบสวนคดีที่นางทองคำ เรืองผึ้ง ภริยาของนายเจริญถูกดำเนินคดีในข้อหาจัดให้มีการเล่นการพนันบิลเลียดเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ปรากฏว่านางทองคำและนายเจริญให้การว่านายเจริญเป็นผู้ซื้อโต๊ะบิลเลียดพร้อมอุปกรณ์ของกลางมาไว้ที่บ้านนายเจริญโดยซื้อเงินผ่อนและได้ผ่อนชำระราคาหมดแล้ว รายละเอียดปรากฏตามเอกสารหมาย ค.3 และ ค.4 ตามลำดับโดยนายเจริญไม่ได้เบิกความว่าเหตุใดจึงได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนไปเช่นนั้น คำเบิกความของนายเจริญที่อ้างว่าเป็นผู้เช่าของกลางไปจากผู้ร้องจึงไม่มีน้ำหนัก ส่วนที่นางกรองกาญจน์พยานผู้ร้องเบิกความว่าผู้ร้องซื้อโต๊ะบิลเลียดจำนวน 4 ตัว พร้อมอุปกรณ์จากบริษัทสเลท จำกัดตามสำเนาเอกสารหมาย ร.1 นั้น นางกรองกาญจน์ก็ไม่ได้ไปดูของกลาง จึงไม่อาจยืนยันได้ว่าของกลางในคดีนี้ผู้ร้องได้ซื้อไปจากบริษัทสเลท จำกัด หรือไม่ เช่นนี้ คำเบิกความของนางกรองกาญจน์ไม่ได้สนับสนุนคำเบิกความของผู้ร้องแต่อย่างใดศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ผู้ร้องมีหน้าที่นำสืบว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของโต๊ะบิลเลียดพร้อมอุปกรณ์ของกลางตามที่กล่าวอ้าง แต่พยานหลักฐานที่ผู้ร้องนำสืบมาแตกต่างขัดกันจึงไม่มีน้ำหนัก ข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ของกลาง ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอคืนของกลาง ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องทั้งสี่สำนวนฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share