คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3813/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ครบทุกงวด โดยบางงวดชำระก่อนกำหนด บางงวดชำระช้า กว่ากำหนด ใบเสร็จรับเงินชำระค่าเช่าซื้อ ทุกฉบับมีช่องค่าปรับ แต่ไม่ระบุจำนวนเงินค่าปรับเพื่อให้โจทก์ทราบ และชำระค่าปรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใบเสร็จรับเงินค่าเช่าซื้อ งวด สุดท้าย มีรอยตราประทับไว้ว่า “โปรดทำการโอนภายใน 15 วัน” พร้อม ทั้ง มีเส้นขีดล้อมรอบช่อง “ค่าเช่าซื้องวดสุดท้าย” แต่ไม่ระบุ จำนวนเงิน ในช่องค่าปรับ แสดงว่าจำเลยยอมรับชำระหนี้แล้ว โดย มิได้ สงวนสิทธิ จะเรียกเอาเบี้ยปรับในเวลารับชำระหนี้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 381 วรรคสาม จำเลยจึง ไม่มีสิทธิเรียกเอาเบี้ยปรับจากโจทก์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่าซื้อรถยนต์จากจำเลยในราคา 73,770 บาทและผ่อนชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้ว แต่จำเลยไม่ยอมจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ จึงขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ในหนังสือคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ของกองทะเบียนยานพาหนะ กรุงเทพมหานคร เป็นชื่อโจทก์ หากจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามขอให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทน
จำเลยให้การว่า โจทก์เช่าซื้อรถยนต์จากจำเลยจริง แต่โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อหลายงวดไม่ตรงตามเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาเช่าซื้อซึ่งโจทก์จะต้องเสียค่าปรับในอัตราร้อยละ 1.50 ต่อเดือนโจทก์ค้างชำระค่าปรับเป็นเงิน 957 บาท จำเลยแจ้งให้โจทก์ชำระแล้วแต่โจทก์ไม่ยอมชำระ จำเลยจึงยังไม่มีหน้าที่ต้องไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ดังกล่าวแก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนโอนชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ในหนังสือคู่มือจดทะเบียนรถยนต์จากชื่อจำเลยเป็นของโจทก์หากไม่ไป ก็ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนา กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์เช่าซื้อรถยนต์จากจำเลย ตกลงชำระค่าเช่าซื้อ 30 งวด ภายในวันที่ 19ของทุกเดือน โจทก์ได้ชำระค่าเช่าซื้อให้จำเลยครบทุกงวดแล้วบางครั้งโจทก์ชำระก่อนถึงกำหนด แต่บางครั้งโจทก์ก็ชำระช้ากว่าที่กำหนด โจทก์ไปติดต่อขอโอนทะเบียนรถยนต์จากจำเลย จำเลยคิดค่าปรับที่โจทก์ชำระเงินค่าเช่าซื้อล่าช้าเป็นเงิน 957 บาทโจทก์ไม่ยอม จำเลยจึงไม่ยอมโอนทะเบียนรถยนต์ดังกล่าว คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่า โจทก์จะต้องชำระค่าปรับให้จำเลยหรือไม่เห็นว่า โจทก์ได้ชำระค่าเช่าซื้อครบทุกงวดแล้ว ตามใบเสร็จรับเงินทุกฉบับมีช่องค่าปรับ แต่ไม่ระบุจำนวนเงินเพื่อให้โจทก์ทราบและมีโอกาสชำระค่าปรับเสียแต่เนิ่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย จ.1 ซึ่งเป็นต้นฉบับของเอกสารหมาย ล.24 และเป็นการชำระค่าเช่าซื้องวดสุดท้าย มีรอยตราประทับไว้ว่า”โปรดทำการโอนภายใน 15 วัน” พร้อมทั้งมีเส้นขีดล้อมรอบช่อง”ค่าเช่าซื้องวดสุดท้าย” แต่ไม่มีจำนวนเงินระบุไว้ในช่องค่าปรับแสดงว่าจำเลยยอมรับชำระหนี้แล้ว โดยมิได้สงวนสิทธิจะเรียกเอาเบี้ยปรับในเวลารับชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 381 วรรคสาม จำเลยจึงไม่มีสิทธิเรียกเอาเบี้ยปรับจากโจทก์อีกต่อไป เมื่อโจทก์ชำระค่าเช่าซื้อครบแล้วและไม่ต้องชำระค่าปรับแก่จำเลย จำเลยจึงต้องจดทะเบียนโอนเปลี่ยนชื่อเจ้าของรถยนต์ให้โจทก์
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ3,000 บาท.

Share