คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3812-3826/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเลิกจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานข้อ 46 วรรคสองหมายความรวมถึงกรณีที่ลูกจ้างไม่ได้ทำงานและไม่ได้รับค่าจ้างเพราะเหตุที่นายจ้างไม่สามารถดำเนินกิจการต่อ ศาลแรงงานฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยแถลงเพียงว่า จำเลยปิดกิจการเนื่องจากไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ แต่จำเลยมิได้เลิกจ้างโจทก์ย่อมไม่เพียงพอฟังว่าโจทก์ไม่ได้ทำงานและไม่ได้รับค่าจ้างหรือไม่อันเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องใช้วินิจฉัยว่าเป็นการเลิกจ้างในกรณีนายจ้างไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานข้อ 46 วรรคสองหรือไม่ การที่ศาลแรงงานมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้ววินิจฉัยว่าการที่จำเลยปิดกิจการเนื่องจากไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ถือได้ว่าเป็นการเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีความผิดจึงไม่ชอบ ศาลแรงงานอนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องจากอัตราค่าจ้าง วันละ160 บาท เป็นวันละ 162 บาทแล้ว แต่ศาลแรงงานพิพากษาให้โจทก์ ได้รับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า โดยคำนวณจากค่าจ้างวันละ160 บาทเป็นการไม่ถูกต้อง

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสิบห้าสำนวนฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์ทั้งหมดทำงานเป็นลูกจ้าง ต่อมาจำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งหมดโดยโจทก์ทั้งหมดไม่มีความผิดและไม่บอกกล่าวล่วงหน้าตามกฎหมาย ขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยแก่โจทก์แต่ละคนตามคำขอท้ายฟ้อง
จำเลยทั้งสิบห้าสำนวนให้การว่า จำเลยมิได้เลิกจ้างโจทก์ทั้งหมด เพียงแต่จำเลยปิดกิจการตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2541
ในวันนัดพิจารณาจำเลยแถลงรับว่าจำเลยปิดกิจการตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2541 เนื่องจากไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ แต่จำเลยมิได้เลิกจ้างโจทก์ทั้งหมด
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ทั้งหมดเป็นลูกจ้างของจำเลย การที่จำเลยปิดกิจการตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2541 เนื่องจากไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ถือได้ว่าเป็นการเลิกจ้างโดยโจทก์ทั้งหมดไม่มีความผิด และจำเลยไม่บอกกล่าวล่วงหน้าตามกฎหมาย จำเลยจึงต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์ทั้งหมด แล้วพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย 40,500 บาท 20,700 บาท 40,500 บาท 18,900 บาท 15,300 บาท 15,300 บาท 35,100 บาท 15,300 บาท 15,300 บาท 15,300 บาท 39,600 บาท 47,700 บาท 14,580 บาท 60,000 บาท และ 55,800 บาท แก่โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 15ตามลำดับ และจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 2,475 บาท 2,530 บาท2,475 บาท 2,310 บาท 1,870 บาท 1,870 บาท 2,145 บาท 1,870 บาท 1,870 บาท 1,870 บาท 2,420 บาท 2,915 บาท 1,760 บาท 5,666 บาท และ 3,410 บาทแก่โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 15 ตามลำดับ
จำเลยทั้งสิบห้าสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ที่จำเลยทั้งสิบห้าสำนวนอุทธรณ์ว่า ศาลแรงงานกลางงดสืบพยานโจทก์จำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมายในการรับฟังพยานหลักฐาน และจำเลยปิดกิจการยังไม่เป็นการเลิกจ้างนั้น เห็นว่า ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 46 วรรคสอง บัญญัติว่าการเลิกจ้างหมายความรวมถึงกรณีที่ลูกจ้างไม่ได้ทำงานและไม่ได้รับค่าจ้างเพราะเหตุที่นายจ้างไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไป ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงตามที่ทนายจำเลยทั้งสิบห้าสำนวนแถลงเพียงว่า จำเลยทั้งสิบห้าสำนวนปิดกิจการตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2541 เนื่องจากไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ แต่จำเลยทั้งสิบห้าสำนวนมิได้เลิกจ้างโจทก์ทั้งหมดแล้วสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลย ตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 15 กันยายน2541 ข้อเท็จจริงดังกล่าวยังไม่เพียงพอฟังว่าโจทก์ทั้งหมดไม่ได้ทำงานและไม่ได้รับค่าจ้างหรือไม่อันเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องใช้วินิจฉัยว่าเป็นการเลิกจ้างในกรณีที่นายจ้างไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 46 วรรคสอง หรือไม่
อนึ่ง ตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 20 สิงหาคม 2541 ศาลแรงงานกลางอนุญาตให้โจทก์ที่ 13 แก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องจากอัตราค่าจ้างวันละ 160 เป็นวันละ 162 บาท แต่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้โจทก์ที่ 13 ได้รับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 11 วันเป็นเงิน 1,760 บาท เป็นการคำนวณจากค่าจ้างวันละ 160 บาท ซึ่งเป็นการไม่ถูกต้อง
พิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลางและคำสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลย ให้ศาลแรงงานกลางสืบพยานในเรื่องโจทก์ทั้งหมดไม่ได้ทำงานและไม่ได้รับค่าจ้างหรือไม่จนสิ้นกระแสความแล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share