คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3809/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ร่วมค่าจำเลยว่า “คนอย่างมึงแก่แล้วตัณหากลับ แย่งผัวกูหรือ หรือเงี่ยนไม่รู้จักหาย คนอย่างมึงร้อยควย อย่างนี้ต้องเอาช้างเย็ด” ในขณะที่โจทก์ร่วมและจำเลยอยู่ด้วยกันสองต่อสอง และการด่ากันดังกล่าวเกิดจากการที่โจทก์ร่วมเข้าใจว่าจำเลยเป็นชู้กับสามีโจทก์ร่วม ซึ่งยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเป็นเรื่องไม่จริง เช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ร่วมข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ ลงโทษจำคุก ๑๐ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ ให้ลงโทษจำคุก ๓ ปี
โจทก์ร่วมและจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเพียงมีเจตนาทำร้ายโจทก์ร่วม มิได้มีเจตนาฆ่า แล้ววินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายต่อไปว่า สำหรับฎีกาของจำเลยที่ว่า จำเลยกระทำผิดโดยบันดาลโทสะควรได้รับการลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษนั้น ตามข้อเท็จจริงที่ฟังมาแล้วได้ความว่าจำเลยได้รับฟังมาจากคนอื่นที่ร้านทำผมว่าโจทก์ร่วมไปพูดว่าสามีของตนได้เสียกับจำเลยและลูกของจำเลย จำเลยจึงไปที่บ้านโจทก์ร่วม พบโจทก์ร่วมนอนอยู่ ได้เรียกให้โจทก์ร่วมลุกขึ้นแล้วสอบถามว่าเหตุใดจึงพูดว่าจำเลยกับลูกเช่นนั้น โจทก์ร่วมย้อนว่า มันจริงไหมเล่า จำเลยปฏิเสธว่าไม่จริง โจทก์ร่วมก็ด่าว่าจำเลยว่า “คนอย่างมึงแก่แล้วตัณหากลับ แย่งผัวกูหรือ หรือเงี่ยนไม่รู้จักหาย คนอย่างมึงร้อยควย อย่างนี้ต้องเอาช้างเย็ด” จำเลยจึงใช้มีดหั่นหมูฟันโจทก์ร่วม เช่นนี้ศาลฎีกาเห็นว่า การที่โจทก์ร่วมด่าว่าจำเลยดังกล่าวเป็นการกระทำต่อกันสองต่อสองเกิดจากการที่โจทก์ร่วมเข้าใจว่าจำเลยเป็นชู้กับสามีโจทก์ร่วมซึ่งยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเป็นเรื่องไม่จริง จึงยังไม่เป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๒ ฎีกาของจำเลยจึงฟังไม่ขึ้นเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามเห็นว่าโทษที่ศาลอุทธรณ์ลงมานั้นหนักเกินไป ไม่เหมาะสมกับรูปคดี สมควรแก้ไขเสียให้เหมาะสม
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลย ๒ ปี นอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share