คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3807/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การร้องขัดทรัพย์เป็นการกล่าวอ้างว่าทรัพย์สินที่ยึดมิใช่ของจำเลยแต่เป็นของผู้ร้อง ในคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องก็ได้กล่าวไว้ชัดแล้วว่าบรรดาทรัพย์สินสิ่งก่อสร้างสัมภาระและอุปกรณ์ที่โจทก์นำยึดมิใช่กรรมสิทธิ์ของจำเลย แต่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ส่วนข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์เหล่านั้นตกเป็นของผู้ร้องตามสัญญาจ้างทำของเป็นรายละเอียด หาจำต้องกล่าวมาในคำร้องขัดทรัพย์ไม่
ตามสัญญาจ้างเหมาทำการก่อสร้างระหว่างผู้ร้องกับจำเลยระบุให้ผู้ร้องมีสิทธิเลิกสัญญาในกรณีที่มีเหตุให้ผู้ร้องเห็นว่าจำเลยไม่สามารถจะทำงานให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา และจำเลยยอมให้สิ่งก่อสร้าง สัมภาระและอุปกรณ์ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง เมื่อปรากฏว่าจำเลยไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา จนผู้ร้องได้บอกเลิกสัญญาและแต่งตั้งคณะกรรมการทำการริบสิ่งก่อสร้าง สัมภาระและอุปกรณ์ลงบัญชีเป็นของผู้ร้องไปแล้ว กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าวจึงตกเป็นของผู้ร้องก่อนที่โจทก์จะไปทำการยึดโดยไม่ต้องมีการส่งมอบหรือโอนทรัพย์สินดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องอีก

ย่อยาว

กรณีเรื่องนี้สืบเนื่องจากโจทก์นำยึดทรัพย์สินที่อ้างว่าเป็นของจำเลยรวม ๑๙ รายการ ตามบัญชีทรัพย์ลงวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๒๔ ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอว่า จำเลยได้ทำสัญญารับจ้างเหมาทำการก่อสร้างท่าเทียบเรืออำเภอคลองใหญ่กับผู้ร้อง โดยผลแห่งสัญญาดังกล่าวจำเลยไม่มีกรรมสิทธิ์ในบรรดาทรัพย์สินสิ่งก่อสร้างสัมภาระ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่นำมาไว้หรือใช้ในการก่อสร้างท่าเทียบเรือ แต่โจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดทรัพย์สินดังกล่าว ความจริงทรัพย์สินดังกล่าวมิใช่ของจำเลย แต่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยทรัพย์สินดังกล่าว
โจทก์ยื่นคำให้การว่า คำร้องขอของผู้ร้องเคลือบคลุม ทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย ขอให้ยกคำร้องขอของผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ปล่อยการยึดทรัพย์ ยกเว้นทรัพย์อันดับที่ ๑, ที่ ๗ และที่ ๘
โจทก์และผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การร้องขัดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๘๘ เป็นการกล่าวอ้างว่าทรัพย์สินที่ยึดมิใช่ของจำเลยแต่เป็นของผู้ร้อง ในคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องก็ได้กล่าวไว้ชัดแล้ว่าบรรดาทรัพย์สินสิ่งก่อสร้าง สัมภาระ และอุปกรณ์ที่โจทก์นำยึดมิใช่กรรมสิทธิ์ของจำเลย แต่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ส่วนข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์เหล่านั้นตกเป็นของผู้ร้องตามสัญญาจ้างทำของเป็นรายละเอียด ผู้ร้องหาจำต้องกล่าวมาในคำร้องขัดทรัพย์ไม่ คำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องจึงไม่เคลือบคลุม
จำเลยเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างท่าเทียบเรือให้แก่ผู้ร้อง ตามหนังสือสัญญาจ้างข้อ ๕ ว่า ผู้ร้องมีสิทธิเลิกสัญญาในกรณีที่มีเหตุให้ผู้ร้องเห็นว่าจำเลยไม่สามารถจะทำงานให้แล้วเสร็จบริบูรณ์ภายในกำหนดเวลา โดยจำเลยยินยอมให้ผู้ร้องปรับเป็นรายวัน เรียกค่าเสียหายและยอมให้สิ่งก่อสร้าง สัมภาระและอุปกรณ์ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง โดยที่ผู้ร้องสามารถเลือกใช้สิทธิดังกล่าวเพียงอย่างเดียวหรือหลายอย่าง จากข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องนำสืบฟังได้ว่า จำเลยไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จบริบูรณ์ภายในกำหนดเวลา ผู้ร้องจึงได้บอกเลิกสัญญาและใช้สิทธิตามสัญญาแต่งตั้งคณะกรรมการทำการริบสิ่งปลูกสร้าง สัมภาระและอุปกรณ์ลงบัญชีเป็นพัสดุของทางราชการกรมโยธาธิการ (ผู้ร้อง) และคณะกรรมการได้ดำเนินการแล้วตั้งแต่วันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๒๓ กรรมสิทธิ์ในสิ่งก่อสร้างสัมภาระและอุปกรณ์ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดจึงตกเป็นของผู้ร้องก่อนที่โจทก์จะไปทำการยึด ผู้ร้องไม่จำเป็นจะต้องใช้สิทธิในทางศาลเพราะไม่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาระหว่างผู้ร้องและจำเลยแต่ประการใด
พิพากษายืน

Share