แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีก่อนที่จำเลยฟ้องโจทก์ขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของจำเลยนั้น ศาลอาจมีคำพิพากษาเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิกถอนการประเมินของโจทก์ หรือไม่ อย่างไรก็ได้ เมื่อคดียังไม่ถึงที่สุดจะถือว่าจำเลยเป็นหนี้ค่าภาษีแก่โจทก์ตามที่มีการประเมินหาได้ไม่คดีนี้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าภาษีตามที่มีการประเมินดังกล่าว อำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยจะไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้โดยตรง ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142(5) ประกอบด้วยมาตรา 246 และ 247
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด โจทก์ได้แจ้งการประเมินให้จำเลยทั้งสองชำระภาษีดังกล่าว จำเลยทั้งสองไม่ชำระและได้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการประเมินชอบแล้ว ยกอุทธรณ์ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินภาษีดังกล่าวให้แก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า เมื่อจำเลยไม่ชำระภาษีที่ได้รับแจ้งการประเมินภายในกำหนดเวลา โจทก์ก็ไม่ยึดอายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยนำเงินไปชำระภาษีที่ค้าง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ โจทก์ส่งหมายเรียกให้จำเลยโดยไม่ชอบการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์จึงไม่ชอบ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินภาษีดังกล่าวจำนวน 22,009,103.05 บาท ให้แก่โจทก์ คำขอนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินภาษีจำนวน 52,034,523.59 บาท แก่โจทก์ นอกจากนี้แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งสองเป็นสามีภรรยากันเจ้าพนักงานประเมินหมายเรียกจำเลยมาทำการตรวจสอบไต่สวนเกี่ยวกับการชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของจำเลยสำหรับปีภาษีพ.ศ. 2506 ถึง 2516 ในที่สุดได้แจ้งการประเมินให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระภาษีให้โจทก์เป็นเงินทั้งสิ้น 52,300,187.87 บาทจำเลยทั้งสองได้ยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาลชั้นต้น ขอให้เพิกถอนการประเมินที่กล่าวแล้ว ตามคดีหมายเลขดำที่ 9884/2517 และคดีหมายเลขดำที่ 457/2519 ของศาลชั้นต้น ซึ่งศาลรับฟ้องของจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระภาษีที่กล่าวแล้วให้โจทก์ คดีมีปัญหาว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่า คดีที่จำเลยทั้งสองฟ้องโจทก์ต่อศาล ขอให้เพิกถอนการประเมินนั้น ศาลอาจมีคำพิพากษาเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิกถอนการประเมินของโจทก์หรือไม่ อย่างไรก็ได้ เมื่อคดียังไม่ถึงที่สุดจึงฟังว่าจำเลยทั้งสองเป็นหนี้ค่าภาษีโจทก์ตามที่มีการประเมินจึงไม่ได้ โจทก์จึงหามีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระค่าภาษีตามที่มีการประเมินไม่ อำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยจะมิได้ยกปัญหาดังที่กล่าวมาแล้วขึ้นต่อสู้โดยตรง ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142(5) ประกอบด้วยมาตรา 246 และ 247
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์