คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3801/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์โดยเจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งการประเมินให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระภาษีให้โจทก์จำนวนหนึ่ง จำเลยทั้งสองได้ยื่นฟ้องโจทก์ขอให้เพิกถอนการประเมินดังกล่าวแล้ว ซึ่งศาลอาจมีคำพิพากษาเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิกถอนการประเมินของโจทก์หรือไม่ อย่างไรก็ได้เมื่อคดียังไม่ถึงที่สุด จึงฟังว่าจำเลยทั้งสองเป็นหนี้ค่าภาษีโจทก์ตามที่มีการประเมินไม่ได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้จำเลยทั้งสองชำระค่าภาษีตามที่มีการประเมิน อำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นต่อสู้โดยตรง ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 142(5).

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยคงค้างชำระภาษีโจทก์อยู่เป็นเงินทั้งสิ้น52,300,187.87 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินที่กล่าวแล้วให้โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้คดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน22,009,103.04 บาท คำขอนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน52,034,523.57 บาท แก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยทั้งสองขอแถลงการณ์ด้วยวาจานั้นเห็นว่าไม่จำเป็นจึงให้งด คดีนี้ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน เจ้าพนักงานประเมินหมายเรียกจำเลยมาทำการตรวจสอบไต่สวนเกี่ยวกับการชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของจำเลยสำหรับปีภาษี พ.ศ. 2506 ถึง 2516ในที่สุดได้แจ้งการประเมินให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระภาษีให้โจทก์เป็นเงินทั้งสิ้น 52,300,187.87 บาท รายละเอียดปรากฏตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้ ภ.ง.ด.11 เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 ถึง 11และ 15 จำเลยทั้งสองได้ยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาลชั้นต้น ขอให้เพิกถอนการประเมินที่กล่าวแล้ว ตามคดีหมายเลขดำที่ 9884/2517 และคดีหมายเลขดำที่ 447/2519 ของศาลชั้นต้น ซึ่งศาลรับฟ้องของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณา ขณะที่คดีทั้งสองสำนวนยังไม่ถึงที่สุดโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระภาษีที่กล่าวแล้วให้โจทก์ คดีมีปัญหาว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า คดีที่จำเลยทั้งสองฟ้องโจทก์ต่อศาลขอให้เพิกถอนการประเมินนั้น ศาลอาจมีคำพิพากษาเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิกถอนการประเมินของโจทก์หรือไม่ อย่างไรก็ได้ เมื่อคดียังไม่ถึงที่สุด จึงฟังว่าจำเลยทั้งสองเป็นหนี้ค่าภาษีโจทก์ตามที่มีการประเมินจึงไม่ได้ โจทก์จึงหามีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระค่าภาษีตามที่มีการประเมินไม่ อำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกปัญหาที่กล่าวมาแล้วขึ้นต่อสู้โดยตรงศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาคดีมา ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย…”
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์.

Share