แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ร่วมมิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ตั้งหมู่บ้านแต่โจทก์ร่วมเป็นเจ้าของหมู่บ้าน เป็นผู้ครอบครองหมู่บ้านกับเป็นเจ้าของโซ่และกุญแจซึ่งปิดกั้นทางเข้าหมู่บ้าน เมื่อมีผู้มาทำลายโซ่และกุญแจเพื่อจะเข้าไปในหมู่บ้าน โจทก์ร่วมย่อมเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีข้อหาทำให้เสียทรัพย์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับ บ. ซึ่งได้แยกไปดำเนินคดีที่ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า และทำให้ไร้ประโยชน์ โดยใช้เลื่อยตัดโซ่เหล็กและใช้ค้อนทุบกุญแจซึ่งคล้องไว้กับโซ่เหล็กกั้นทางเข้าหมู่บ้านธารน้ำใจของนางสาวนวลนารถ ส่งเสริมรัตนกุลผู้เสียหาย ซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลรักษาของนางวิลาศ สุขขังจนขาด และบุบเสียหาย ใช้การไม่ได้ คิดค่าเสียหายเป็นเงิน650 บาท ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 358
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 358 ลงโทษจำคุก 1 เดือน และปรับ 2,000 บาท รอการลงโทษจำคุกไว้ 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าจำเลยมีบ่อปลาอยู่ในบริเวณหมู่บ้านธารน้ำใจ แต่มีบ้านอยู่ที่อื่นบนเส้นทางที่จะเข้าไปยังหมู่บ้านนั้นมีการกั้นทางเข้าไป โดยปักเสาซีเมนต์แบ่งช่องทางออกเป็นสองช่อง ช่องหนึ่งสำหรับรถจักรยานยนต์และคนเดินผ่านมีแท็งก์สี่เหลี่ยมตั้งอยู่ด้วยอีกช่องหนึ่งสำหรับรถยนต์เข้าออกซึ่งช่องทางนี้มีสายโซ่ขึงหย่อนไว้ให้ผู้ขับรถยนต์สามารถยกโซ่ขึ้นแล้วแล่นรถยนต์ลอดผ่านไปมาได้ ข้างหนึ่งของโซ่ที่คล้องหัวเสาซีเมนต์มีกุญแจใส่ไว้ปรากฏตามภาพถ่ายหมาย ล.1 รวม 3 ภาพ ห่างจากบริเวณนี้ไม่มากมีบ้านซึ่งเคยเป็นสำนักงานของหมู่บ้านธารน้ำใจตั้งอยู่นางวิลาศ สุขขัง และเด็กชายปรีชา สุขขัง อายุ 13 ปีบุตรชายอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ จำเลยขับรถผ่านเข้าออกไปยังบ่อปลาเสมอมา เดิมจำเลยเคยมีลูกกุญแจเพื่อไขโซ่ผ่านเข้าออก
ในปัญหาที่ว่าโจทก์ร่วมมีอำนาจร้องทุกข์และการร้องทุกข์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบโดยมีโจทก์ร่วมเบิกความว่า โจทก์ร่วมเป็นเจ้าของหมู่บ้านธารน้ำใจ โดยที่ดินที่ตั้งหมู่บ้านมีชื่อนายจำเนียร แสงสำริด เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ นายจำเนียรกู้เงินโจทก์ร่วมไปเมื่อ 7-8 ปีมาแล้ว แต่ยังมิได้โอนเปลี่ยนชื่อมาเป็นของโจทก์ร่วมเพราะโจทก์ร่วมตั้งใจจะโอนขายให้คนอื่น โจทก์ร่วมได้จ้างนางวิลาศ สุขขังเป็นผู้เผ้าดูแลหมู่บ้าน นางวิลาศ สุขขัง เบิกความว่า เป็นลูกจ้างโจทก์ร่วม ทำหน้าที่ดูแลหมู่บ้านธารน้ำใจ โจทก์ร่วมซื้อกุญแจใหม่สำหรับใส่โซ่ แต่จำเลยไม่มีลูกกุญแจ พยานโจทก์เบิกความสอดคล้องต้องกันและจำเลยมิได้นำสืบโต้แย้งในข้อนี้แต่อย่างใด คดีจึงฟังได้ว่าโจทก์ร่วมเป็นผู้ครอบครองหมู่บ้านธารน้ำใจมีอำนาจปิดกั้นทางเข้าหมู่บ้านซึ่งเป็นถนนส่วนบุคคล และเป็นเจ้าของโซ่และกุญแจรายพิพาท ซึ่งเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีนี้”
พิพากษายืน